รถยนต์คันหรูที่แล่นช้าๆ ตามโค้งถนนเลียบขอบสนามเข้ามาจอดที่หน้าตึก เรียกให้คนในบ้านสนใจ คุณสมฉวี ได้รับคำรายงานจากสาวใช้ รีบกระวีกระวาดฉุดหลานสาวที่เพิ่งมาถึงออกไปต้อนรับ ท่าทีเฉยชาของมรุต ที่ศรุตาได้พบเห็นเมื่อวันวานทำให้เธอหมดความมั่นใจ จึงรั้งรออยู่ข้างใน
ร่างสูงจูงร่างเล็กๆ ลงจากรถเดินใกล้เข้ามา ชายหนุ่มเองก็มองหาหน้าใสๆ ดวงตาคมขลับของเด็กกะโปโลที่จับจ้องมองเขานานๆ เมื่อวันวาน แต่ร่างสมส่วนในชุดเสื้อสายเดี่ยวอวดเนื้อหนังมังสาที่เห็นตรงหน้าก็ปลุกความสนใจจนลืมศรุตาไปเลย
เขายกมือไหว้สมฉวี ยิ้มและรับไหว้รุ่งแสง แว่วยินเสียงบิดาที่โน้มน้าวกล่อมเกลา ‘…..ไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงความรู้สึกในทางลบ ไม่ว่ามรุตจะคิดอย่างไรก็ตาม ต้องทำให้ทุกคนวางใจและเป็นมิตรก่อน ดูอย่างพ่อซิ พ่อมีสิทธิในทุกสิ่งทุกอย่างมากกว่าทุกๆ คนที่นั่น พ่อยังทำเฉยได้เลย….’
เพราะอย่างนั้นศรุตา ที่หลบอยู่ข้างในจึงได้ยินเสียงทุ้มห้าวดังแทรกผสมผสานอยู่ในเสียงสนทนาเจือหัวเราะ
นายตุ้ยดึงแขนเธอหลายครั้ง “ออกไปดูกันเถอะ”
“ไม่เอา…!”
“แล้วจะหลบอยู่ทำไมเล่า โธ่เอ๊ย ตุ้ยรู้นะว่าความจริงพี่ต้าก็อยากพบพระเอกของพี่ต้า”
“บ้าแล้ว พระอ่งพระเอกที่ไหนของชั้นกันยะ”
“อย่ามาปากแข็งเลย”
“อย่าแก่แดดนะนายตุ้ย” เธอทำเสียงเขียวทั้งที่วางสีหน้าไม่สนิท
พี่น้องดึงๆ ผลักๆ กระซิบกระซาบถกเถียง คนที่พูดคุยต้อนรับทักทายกัน ชวนกันเข้ามานั่งข้างใน เสียงสมฉวีดังแว่ว
“คุณย่านอนหลับอยู่ค่ะ อีกสักครู่ค่อยไปพบเถอะนะคะ”
“น้องสาลี่จะมารบกวนให้ยุ่งยากกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ที่นี่มีคนดูแลเยอะแยะ ขานี้ก็มาบ่อยๆ จนที่นี่กลายเป็นบ้านที่สองของเขาไปแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มให้สาวสวยอ่อนวัยกว่า ผู้ซึ่งระบายยิ้มเปิดเผย
“แม่ของรุ่งค้าขายต้องเดินทางบ่อยๆ เลยให้รุ่งกับพี่อัสมาอยู่กับน้าหวีจะได้ไม่ขาดเรียนค่ะ”
“อ้อ แล้วตอนนี้ก็ยังเรียนหรือครับ”
“แหม….. หน้าตารุ่งเหมือนนักเรียนหรือคะ” เธอตีความหมายคำพูดเขาไปอีกทางหนึ่ง มีผลให้ประกายตาคมกริบระริกขึ้นคล้ายหัวเราะ “รุ่งเรียนจบมาปีเต็มแล้ว ตอนนี้ทำงานให้ลุงเปี่ยม”
“อ้อ งานอะไรครับ”
“งาน…..” สาวสวยยังไม่ทันจะตอบ คุณสมฉวีก็ขัดว่า
“คุณเปี่ยมตั้งบริษัทเล็กๆ ขึ้นมา ไม่มีใครก็เลยให้รุ่งกับอัสไปช่วยดูแล เพราะคุณเปี่ยมต้องดูแลงานแทนคุณย่าทั้งหมดค่ะ”
“อ้อ บริษัทเล็กๆ” เสียงทวนเจือหัวเราะ
น้องสาลี่ที่ทนนั่งฟังเอียงหน้ากระซิบถาม “พี่ต้าล่ะคะ……”
ใบหน้าขาวจัดหันมามองฝ่ายเจ้าของบ้านยิ้มๆ คุณสมฉวีขยับตัว “เอ๊ ต้าไปไหนนะ ทำไมไม่ออกมา”
ศรุตาไหวตัวจะหนีแต่นายตุ้ยกลับใช้กำลังลากเธอออกมา เสียงต่อสู้ดิ้นรนขลุกขลักทำให้ทุกคนหันมามอง
“อ้าว ต้า ตุ้ย” คุณสมฉวีเรียก “ทำอะไรกันอยู่คะ”
เธอหน้าแดงวางสีหน้าไม่สนิท “เอ่อ คือว่าต้า…..”
“พี่ต้าเค้า…” สารัตถ์พูดไม่จบเพราะอีกฝ่ายผวาเข้าปิดปากไว้ จุดอ่อนที่ซอกคอถูกมือเล็กๆ จับหมับทำให้ นายตัวอ้วนใหญ่ตัวงอหมดเรี่ยวแรง คุณสมฉวีเจือหัวเราะคล้ายเอ็นดู
“สองคนนี่เล่นกันเหมือนเด็กๆ ไม่ยอมโตสักที”
“ไปหาพี่ต้าซิ” มรุตบอกเด็กหญิง
น้องสาลียิ้มอายแต่ไม่ยอมขยับตัว ศรุตาก็ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก เด็กชายสารัตถ์หลุดจากมือบางๆ ที่จับซอกคอ ยังหน้าแดง แต่ก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา
“ไงยัยตัวเล็ก”
“หวัดดี” เสียงตอบเบาเอียงอาย
ศรุตายิ้ม ยื่นมือให้จับทั้งๆ ที่ประหม่าเพราะรู้สึกว่าสายตาคมกริบกำลังจับมอง “สวัสดีค่ะ น้องสาลี่ ไปห้องพี่ต้ากันดีกว่า”
เด็กหญิงเดินตาม เธอจึงพาเด็กๆ ผละไปอย่างตัดใจ บอกตัวเองว่ายังไม่ได้ทักทายชายหนุ่มเลยด้วยซ้ำ ในวันนี้เขาอารมณ์ดีกว่าเมื่อวาน หรือจะเป็นเพราะเสื้อสายเดี่ยวและกระโปรงเอวต่ำอวดสะดือของรุ่งแสงที่ทำให้ใบหน้าของเขาระบายไว้ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏให้เห็นทำให้ปรายเปรมรู้ว่าเป็นใคร น้ำเสียงทักทายจึงแจ่มใสไม่ผิดจากที่เคย “สวัสดีจ้ะ คุณหนูต้าสุดที่รัก”
“หวัดดีคุณหนูปราย วันนี้ว่างไหม ทำงานหรือเปล่า”
“ทำไมหรือ”
“มาบ้านหน่อยซิ มีใครจะแนะนำให้รู้จัก”
“สาวหรือเปล่า”
“สาวซิ สวยด้วยนะจะบอกให้”
รถยนต์มือสองที่ชายหนุ่มซื้อต่อจากเพื่อนแล่นเข้ามาเมื่อ ดร.มรุต กลับไปแล้ว เมื่อร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อมีปกแขนสั้นเดินผ่านประตูเข้ามาก็พบแต่ร่างสมส่วนในชุดเปิดเนื้อหนัง กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้นวมกลางห้อง “เฮ้…..” รุ่งแสงผงกร่างขึ้นมาทักทาย
“สวัสดี”
“รู้ว่ารุ่งมา คุณปรายเลยมาต้อนรับหรือไง”
“คงงั้นมั้ง”
ร่างสมส่วน จงใจอวดเนื้อหนังอวบอิ่มขาวผ่อง “เจอทีไรปรายก็ตัวโตขึ้นกว่าเก่า แต่คงตากแดดมากไป หน้าถึงคล้ำลงแยะเลย”
“ผมนอนใต้สะพานทำงานกลางแดด ไม่ได้นั่งๆ นอนๆ ในห้องแอร์เหมือนคุณหญิงรุ่งแสง”
“โถ น่าสงสาร ก็ชวนมานั่งๆ นอนๆ ด้วยกันก็ไม่เอา”
“ไม่เอา… กลัวจะสบายเกินไป”
“ไม่มีข้อผูกพันไง จำได้ไหม”
“อย่าเลย เดี๋ยวเกิดติดใจแล้วจะยุ่ง” คำพูดโต้ตอบหยอกเย้าแต่ประกายตาของชายหนุ่มกลับแปลกแยก
พอโตขึ้นมาความรู้สึกของหญิงสาวก็เอนเอียงแปรเปลี่ยน รุ่งแสงเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาฝังใจชอบผู้ชายยะโสที่เคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เล็กๆ คนนี้ แต่ยิ่งเธอแสดงความสนใจ เขาก็ยิ่งถอยหนี
ทีกับเด็กกะโปโลอย่างศรุตา กลับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รุ่งแสงเกทับศรุตาทุกเรื่อง
“คุณปราย…… จะพูดกันดีๆ บ้างไม่ได้หรือไง”
เสียงตอบเจือหัวเราะ “นี่ยังพูดไม่ดีอีกหรือ แล้วจะให้ปรายพูดยังไง……” เขาทำท่าทีและน้ำเสียงใหม่ “สวัสดีครับคุณรุ่งแสง สบายดีไหมครับ ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงปรายบ้างหรือเปล่า”
“ค่อยฟังดูดีหน่อยถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ออกมาจากใจจริงก็ตาม”
“อ้าว คุณรุ่งแสงรู้ไปหมด”
เธอจับแขนเขา รู้สึกถึงกล้ามเนื้อแน่นหนาที่ได้มาเพราะการออกกำลังกลางแจ้งสม่ำเสมอ “อย่ากวนนะ รุ่งคิดถึงปรายรู้ไหม เพราะงั้นพอน้าหวีบอกให้มา รุ่งก็มาทันทีเลย”
คำพูดบอกความในใจตรงๆ ทำให้เขาใจอ่อน รุ่งแสงคิดอะไรทำไมเขาจะไม่รู้ ดีที่ในระยะหลังๆ ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวต่างก็โยกย้ายจากกันไป ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งในระยะหลังๆ รุ่งแสงพูดเป็นนัยเชิญชวน ฟังเผินๆ คล้ายชวนให้ทำงานด้วย แต่ตีความอย่างอื่นก็คล้ายกับไม่ผิดเช่นกัน
ศรุตาพาเด็กๆ ออกมาพอดี ภาพที่เห็นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกผิดแปลก หัวเราะทักทาย “พี่ปรายบ้า มาถึงแล้วไม่เรียก”
ร่างสูงขยับห่างจากร่างในชุดเสื้อสายเดี่ยวทันที “ถึงเรียกแล้วต้าเคยตื่นเต้นหรือยังไง”
เธอไม่สนใจถ้อยคำตัดพ้อ ขณะที่รุ่งแสงจับกระแสนั้นได้
“นี่ไงสาวที่อยากให้รู้จัก น้องสาลี่…..”
เสียงแนะนำสดใส เด็กหญิงที่มีอายุใกล้เคียงสารัตถ์แต่รูปร่างแตกต่างโดยสิ้นเชิงแอบอยู่ข้างหลังโผล่หน้าออกมายิ้มเอียงอาย
ชายหนุ่มมองอย่างสนใจ ใครๆ ก็สนใจน้องสาลี่หลานในไส้คนเดียวของคุณย่า น้องสาลี่ลูกสาวอาก้อยที่หนีคุณย่าไปแต่งงานแล้วตายจากไป ทิ้งให้คนทางนี้พูดถึงกันต่างๆ นานา
“สวัสดีครับ น้องสาลี่”
“นี่คือพี่ปรายค่ะน้องสาลี่ พี่ปรายเป็นหลานรักของคุณย่า” คำแนะนำจงใจหยอกเย้านายตุ้ยโดยเฉพาะซึ่งได้ผลดีอย่างใจนึก นายตัวใหญ่ประท้วงคัดค้านทันที
“ใครบอก ตุ้ยต่างหากเป็นหลานรักของคุณย่า”
“ใครว่า..? ใครแต่งตั้งยอมรับ? อย่างนี้เค้าเรียกว่าไงน๊า คะน้องสาลี่”
เสียงใสตอบทันควัน “ขี้ตู่…!”
“ขี้อิจฉาตังหาก…..”
เจ้าเด็กผู้ชายตัวโตโถมรัดพี่สาวที่ตัวเล็กกว่าเรียกเสียงหัวเราะกิ๊กกั๊กขณะดิ้นหนี “น้องสาลี่ช่วยพี่ต้าด้วย”
ร่างเล็กๆ คิกคักโถมเข้าใส่หมายจะช่วยอีกแรง รุ่งแสงร้องว่า
“โฮย เด็กทั้งนั้นเลยหรือนี่ น้องสาลี่ก็เป็นไปด้วย”
สีหน้าชายหนุ่มระบายยิ้ม เดินไปจับเด็กชายที่ตัวโตเกินวัยห่างออกมา “พอแล้วตุ้ย ประเดี๋ยวจะเกิดการฆ่าโดยไม่เจตนาขึ้นมา พี่ต้ากับน้องสาลี่ตัวจิ๊ดเดียวเอง”
ศรุตาหน้าแดงเพราะดิ้นหนีพลางหัวเราะ “นี่ขนาดสิบขวบยังตัวแค่นี้ ถ้าอีกห้าปีสิบปี ต้าแบนติดฝาแน่”
“ก็อย่ามาว่าเค้าซิ…!”
“พี่ต้าก็ตัวโตๆ กว่าพี่ตุ้ยซิคะ”
“อุ๊ยไม่เอาหรอก ไม่อยากเป็นช้างน้อย”
เด็กชายถลาเข้าหาอีกแต่คนตัวสูงยึดไว้ “เดี๋ยวๆ ตุ้ย ตุ้ยเป็นน้องอย่าไปทำพี่เค้า มันจะเป็นบาป เอายังงี้ดีกว่า ตุ้ยอยากทำอะไรพี่ต้า บอกพี่ปรายมา พี่ปรายจะทำแทนเหมือนกับเป็นหุ่นยนต์รับคำสั่งจากตุ้ยแล้วรับรองว่าพี่ต้าจะไม่ยั่วตุ้ยอีกเลย”
“ดีแล้ว…..” เด็กชายยกมือชูกำปั้นขึ้น “งั้นลุย!…..”
ในสีหน้าฉาบยิ้ม ประกายตาชายหนุ่มวาบวับตั้งท่าจะโผเข้าหา ศรุตาร้องลั่น “ว้าย อย่านะ ไม่เอานะ…..”
“ก็น้องตุ้ยสั่งนะ”
“ไม่เอา ขืนเข้ามาละก็โกรธจริงๆ ด้วย”
ร่างสูงแกล้งทำเสียงไร้ระดับเดินทื่อเข้าหา “นี่ไม่ใช่ปราย นี่คือหุ่นยนต์ของน้องตุ้ย”
“ตาพี่ปรายบ้า ขืนเข้ามาจะฟ้องคุณย่า” ส่งเสียงแล้วศรุตาก็ฉุดมือน้องสาลี่วิ่งหนีไปทั่วบ้าน
คนที่มองตามได้แต่ถอนใจ จะวิ่งตามก็ทำไม่ได้
รุ่งแสงเสียดายที่เธอไม่ได้วิ่งตามพวกเขามาตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้สึกเหมือนถูกทิ้งขว้างไม่สนใจใยดีเช่นนี้…..
โต๊ะอาหารกลางวันมีแต่หนุ่มสาวและเด็กๆ คุณสมฉวีช่วยพยาบาลดูแลคุณย่าขณะที่คุณนงนิตย์ที่ป่วยออดแอดระบุโรคไม่ได้ ทานอาหารได้เพียงเล็กน้อยก็แยกไปนอน นายตุ้ยทานมากและเร็ว ขณะที่ศรุตาต้องหลอกล่อให้น้องสาลี่ทานมากๆ
“พี่ต้าทานคำนึง น้องสาลี่ก็ต้องทานคำนึงด้วยนะคะ เอ้า นี่แครอทต้มหวานๆ น้องสาลี่ต้องชอบแน่ๆ นึง ส่อง ซ้ำ อ้ำ… หืม… อาหร่อย….. ”
ส่วนรุ่งแสงก็พยายามหาเรื่องมาพูดคุยซักถามชายหนุ่มที่เธอพึงใจแต่ไม่ได้พบบ่อยนักในระยะหลังๆ นี้ อาการที่เขาตอบสนองคล้ายไม่มีใจให้ ทำให้เธออดน้อยใจไม่ได้
เธอหาเรื่องมายั่ว “น่าเสียดายที่วันนี้ ด๊อกเตอร์มรุตมีธุระ เลยไม่อยู่ทานกลางวัน แต่ก็สัญญาว่าว่างเมื่อไหร่จะมาทานข้าวด้วย”
น้ำเสียงที่แสดงความนิยมชมชื่นออกมาอย่างเต็มที่ของรุ่งแสง ทำให้ศรุตาหันมามอง ปรายเปรมถามอย่างแปลกใจ
“รุ่งหมายถึงพี่มรุต ลูกชายคุณลุงฉัตรหรือ”
“ใช่ซิ”
“ได้คุยกันแล้วหรือ”
“คุยกันตอนที่เขามาส่งน้องสาลี่ ไม่นึกเลยว่าปรายจะมีพี่ชายรูปหล่อขนาดนี้”
“พี่ชายของสาลี่ต่างหาก” น้องสาลี่ขัดยิ้มๆ
“ใช่แล้ว ด๊อกเตอร์เป็นพี่ชายของน้องสาลี่ อือ ดูๆ แล้วพี่รุ่งว่าหน้าตาพี่ชายน้องสาวเหมือนกันเปี๊ยบเลย”
“ไม่เหมือน น้องสาลี่สวยแต่ว่าพี่มรุตไม่สวย”
รุ่งแสงพูดยิ้มๆ ว่า “พี่มรุตหล่อค่ะ หล่อมากด้วย”
“พี่มรุตเป็นพระเอกของพี่ต้า” นายตุ้ยทะลุขึ้นมาทำให้ศรุตาที่นิ่งฟังเคลิ้มๆ ต้องร้องลั่น
“อะไร ใครบอกกัน”
“โห เห็นแอบดูเค้าอยู่นั่นแหละ ตุ้ยรู้นะว่าพี่ต้ารักพี่มรุต”
“ตาตุ้ยบ้า หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” คู่กรณีหน้าแดงทำท่าจะโผเข้าหา นายตุ้ยปรูดลุกจากโต๊ะ ไม่วายหันมาส่งเสียงยั่ว
“พี่ต้ารักพี่มรุต สาลี่ไปบอกพี่มรุตด้วยนะว่าพี่ต้ารักพี่มรุต”
“น้องสาลี่อย่าฟัง” เธอปิดหูเด็กหญิง
“พี่ต้ารักพี่มรุต พี่ต้ารักพี่มรุต” นายตุ้ยยังตะโกนยั่วพลางทำท่าเต้นยักย้ายส่ายสะโพก ศรุตาสุดจะทนจึงลุกขึ้นถลาเข้าหามีผลให้ร่างอ้วนใหญ่ตุบตับหายออกไปจากห้อง ร่างเล็กๆ วิ่งไล่ตามออกไปโดยมีเด็กหญิงน้องเล็กคนใหม่ตามติด
“โอย อะไรกันนี่” รุ่งแสงร้องออกมา
“หมายความว่ายังไงที่นายตุ้ยล้อว่าต้ารักพี่มรุต…!” เสียงถาม
ดวงตาของคนตอบวาววับด้วยประกายหัวเราะ “ก็พี่มรุตเค้าหล่อนี่ ใครเห็นก็ต้องนึกรักเป็นธรรมดา แล้วยัยต้าไม่เคยมีใครมาจีบจะไม่หลงได้ไง”
“พี่มรุตหล่อนักหรือ”
“ทั้งหล่อทั้งเท่ คุณปรายเทียบไม่ติดร๊อก”
ชายหนุ่มหน้างอ ยังทนฝืนทานอาหารต่อกับคนที่จงใจยั่วเย้า
ศรุตาจับน้องชายได้ก็กอดรัดฟัดเหวี่ยง “ถ้าเธอพูดให้ชั้นเสียหายอีก ชั้นจะไม่รักเธออีกแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้น้องชายหน้าจ๋อย “อ่ะ ไม่พูดอีกแล้วก็ได้”
แล้วพี่น้องก็คืนดีกัน จูงกันหายเข้าห้องคุณย่า
คุณย่ากำลังอาบน้ำกับนางพยาบาล ไม่ได้อยู่ในห้องเมื่อชายหนุ่มตามเข้ามา เห็นร่างสามร่างนอนเรียงกันอยู่บนพื้นหน้าเตียง ประตูที่กั้นส่วนที่เป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัวปิดอยู่ได้ยินเสียงคุณย่าและนางพยาบาลดังแว่ว ชายหนุ่มเดินมานั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา
ทั้งสามกำลังนอนมองภาพนางอัปสราบนฝาผนัง
น้องสาลี่ถามว่า “นั่นรูปใครคะ”
“รูปนางฟ้าค่ะ น้องสาลี่ว่าสวยไหม”
“สวย….. เหมือนพี่ต้า…..”
“อุ๊ย พี่ต้าไม่สวยหรอกค่ะ คงจะสวยเหมือนคุณย่าตอนสาวๆ มากกว่า”
“ที่บ้านสาลี่ก็มีรูปเทวดา ใครๆ บอกว่าเหมือนพี่มรุต”
ศรุตานึกถึงผู้ชายร่างสูงผิวขาวจัดใบหน้าคมประกายตาวาบวับที่เธอเห็นครั้งแรกก็รู้สึกทันทีว่า “งดงามที่สุด” แล้วก็นิ่งอย่างดื่มด่ำ เห็นไหม ไม่ใช่เธอคนเดียวสักหน่อยที่คิดแบบนั้น
“แต่…...” น้องสาลี่หันไปจ้องมองคนที่เข้ามานั่งทำสีหน้าปั้นปึ่ง น้ำเสียงครุ่นคิด “น้องสาลี่ว่าเหมือนพี่ปรายมากกว่า”
หญิงสาวหันไปมองใบหน้าบึ้งๆ สีคล้ำราวกับทองแดงของคนที่ถูกพูดถึงแล้วก็หัวเราะกิ๊ก
หน้าตาอย่างนี้น่ะหรือจะเหมือนภาพวาดเทวดา เป็นไปได้ยังไงกัน……..