คุณฉัตรและครอบครัว ย้ายข้าวของเข้ามาพักอาศัยในห้องว่างที่อัสนีย์และรุ่งแสงเพิ่งย้ายออกไป รุ่งแสงนั้นเคลื่อนย้ายไปอยู่ร่วมห้องสมฉวี แกล้งทำตัวสนิทสนมกลมเกลียวกับมรุตเป็นพิเศษ
น้องสาลี่มายืนยิ้มมองศรุตา ผู้ซึ่งชวนอย่างยินดีว่า “น้องสาลี่มานอนกับพี่ต้าไหมคะ”
เด็กหญิงสั่นหน้า
“อ้าว ทำไมล่ะคะ พี่ต้านอนคนเดียวเหงามากเลยค่ะ”
“ป้าไพห้าม”
“เอ๋…..ทำไมล่ะคะ…..”
สีหน้าของเด็กหญิงหม่นมัวเจื่อนจาง ศรุตารู้สึกครามครันว่าน้องสาลี่ไม่สดใสเป็นเพราะถูกผู้ปกครองบีบบังคับ ดูเธอไม่เป็นตัวของตัวเองเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณประไพ
แต่พอเข้าคู่กับนายตุ้ย ความเป็นเด็กก็กลับมา นายตุ้ยเสียงดังไม่กลัวใครฉุดร่างเล็กๆ วิ่งไปทั่ว คุณประไพมองเครียดๆ แต่ก็ไม่กล้าทัดทาน
คุณฉัตรปักหลักพูดคุยดูแลคุณย่าอย่างไม่รู้เบื่อคล้ายกับจะแก้ตัวความผิดพลาดและชดเชยช่วงเวลาที่ทำตัวห่างหายไป ใบหน้าระบายยิ้ม น้ำเสียงเจือหัวเราะราวกับรักผูกพันนักหนา คุณประไพคล้อยตามสามี ปรนนิบัติดูแลแม่เลี้ยงของคุณฉัตรอย่างไม่รังเกียจรังงอน
“อยู่ทางโน้นผมไม่ได้ทำร้านอาหารอย่างเดียว มีงานอะไรผ่านเข้ามาก็จับไว้หมด งานมากขึ้นทุกที…เอาเวลาไปหมดก็เลยไม่ได้คิดอย่างอื่นจนละเลยทางนี้ไป ผมต้องกราบขอโทษคุณแม่ด้วยครับ”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก… แต่ที่จริงแม่น้อยใจถึงกับออกปากตัดขาดหลายครั้งเหมือนกัน” คุณย่ายอมรับด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ หลังจากที่เจ็บออดแอดแล้วอาการยิ่งทรุดลงในระยะหลัง ท่านก็ปลดปลงละทิฐิลง “แต่ยังไงๆ มันก็ผ่านไปแล้ว ฉัตรเองมีภาระหน้าที่ต่อครอบครัวไม่ได้เหลวไหล ไม่ต้องขอโทษแม่หรอก แม่ซิต้องขอโทษที่โกรธฉัตร”
คุณประไพเสริมยาหอม “แต่เราระลึกถึงคุณแม่เสมอนะคะ คุณฉัตรพูดถึงคุณแม่บ่อยๆ พอมรุตเรียนจบ เราเลยตัดสินใจย้ายกลับมา”
“ดีแล้วที่มาตอนนี้ ถ้าช้ากว่านี้อาจไม่พบกันก็ได้ ฉันมันไม้ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว”
“โถ คุณแม่ยังแข็งแรงแท้ๆ อย่าพูดอย่างนี้เลยค่ะ”
“ฉันอ่อนแอลงทุกวัน สังขารย่อมต้องสิ้นไปเสื่อมไปพระพุทธองค์ทรงสอนไว้…..”
ฯลฯ
คุณสมฉวีที่คล้ายถูกลดบทบาทลง แอบค้อนให้หลายครั้ง พออยู่ตามลำพังกับคุณเปี่ยมเธอก็พร่างพรูความขุ่นข้องออกมา
“ฮึ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเหลียวแลคุณแม่ ตอนนี้เกิดจะมารักกันนักหนา คุณแม่ก็ช่างใจเบา ไหนแต่ก่อนสาปส่ง พูดปาวๆ ว่าจะไม่ร่วมแผ่นดินกันอีก”
“จุ๊ๆ คุณหวี…..” คุณเปี่ยมขมวดคิ้ว “อย่าไปพูดแบบนี้กับใครเข้าเชียวนะ”
“หวีรู้แล้วละว่าพูดไม่ได้” เธออารมณ์เสียไม่หาย
“ทนอีกหน่อยน่า อีกไม่นานแล้วละ”
บางครั้งห้องนอนของคุณย่าเป็นที่รวมของ “พี่ๆ น้องๆ” ที่แสดงออกต่อกันในฉันท์มิตร พูดคุยกลมเกลียว แม้ไม่มีความสนิทใจกันนัก โต๊ะอาหารคล้ายอบอุ่น เสียงพูดคุยเจือหัวเราะซ่อนความบาดหมางมิดชิด แต่ประกายตาเย็นเยียบรู้เท่าทันกัน มีแต่สารัตถ์ และน้องสาลี่เท่านั้นที่ไม่รู้ไม่เห็นความบาดหมางของใคร
ศรุตาเองก็รู้สึกไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่เธอเคยรอคอยเวลานี้ที่ญาติๆ จะได้กลับมาทำให้คุณย่าอบอุ่น พอเวลามาถึง ทุกอย่างกลับไม่ใช่ดีตามที่คาดหมาย บรรยากาศที่น่าจะดีกลับทำให้รู้สึกอึดอัด บางครั้งเธอเห็นคุณฉัตรและคุณประไพถกเถียงกันอย่างจริงจังเคร่งขรึม ครั้นพอเห็นเธอผ่านเข้ามาในสายตาก็รีบฉาบยิ้มเปลี่ยนท่าทีเป็นผู้ใหญ่ใจดี
ท่าทีนั้นไม่ผิดกับที่เธอเคยเห็นคุณเปี่ยมและคุณสมฉวีมาก่อน
แต่คำพูดที่ได้ยินชัดเจนราวกับประสาทหูของเธอเกิดดีเป็นพิเศษขึ้นมาในช่วงเวลานั้นพอดิบพอดีทำให้เธอสะดุ้ง
“…..คอยจับตาสังเกตให้ดีแล้วระวังตัวด้วยก็แล้วกัน พวกมันแกล้งมาทำเป็นดีคงต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ ฉันไม่เคยไว้ใจพวกมันเลย…..”
เสียงนั้นเบา แต่ชัดเจนยิ่งกว่าที่เธอเคยบังเอิญได้ยินคุณเปี่ยมพูดกับคุณสมฉวีเสียด้วยซ้ำ..!
“อ้าว หนูต้า….. มองหาน้องสาลี่หรือจ๊ะ”
“เอ้อ….. ค่ะ…ค่ะ”
“น้องสาลี่หายไปกับน้องตุ้ยนานแล้ว ถ้าต้าเจอช่วยบอกให้มาอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ”
“ค่ะ…..ค่ะ…..” เธอพึมพำรับคำแล้วปลีกตัวหนี
คนที่ทำให้บรรยากาศดีขึ้น กลับกลายมาเป็นรุ่งแสง ผู้ซึ่งใส่เสื้อตัวเล็กๆ อวดเนื้อหนัง มังสาแสดงท่าทีร่าเริงแจ่มใส เสียงใสๆ ไร้ความแปลกแยก หญิงสาวเอาใจคุณฉัตรและคุณประไพราวกับญาติสนิท ยิ่งกับมรุต เธอยิ่งทำตัวใกล้ชิดสนิทสนม
“คุณลุงกับคุณป้ารังเกียจกลิ่นทุเรียนหรือเปล่าคะ บ้านนี้ชอบทานทุเรียนกันทุกคน แต่รุ่งไม่รู้ว่าคนที่ไปอยู่อเมริกานานเกือบยี่สิบปีจะรู้สึกยังไง”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ อยู่ที่โน่นขายอาหารไทยก็มีทุเรียนกวนขาย พวกฝรั่งก็ชอบ”
“งั้นดีเลย รุ่งจะได้ซื้อมา ตอนนี้ทุเรียนหมอนทองกำลังอร่อยเลยค่ะ เนื้อหนาหวาน รุ่งชอบทานเนื้อแข็งๆ ไม่เละ ถ้าเละเมื่อไหร่ต้องเอามาทำข้าวเหนียวน้ำกะทิ” เธอชวนพูดไปเรื่อย
ชายหนุ่มมีท่าทีเป็นกันเองแม้จะปิดกั้นอยู่บ้างตามแบบของเขา ใบหน้าสีขาวเจือชมพูที่มีไรหนวดเคราสีเขียวจางๆ สะอาดสะอ้านเจืออาการยิ้มแต่ก็ไม่ใช่ยิ้มกว้างเปิดเผย รุ่งแสงกุลีกุจอไปชงกาแฟมาให้
“กาแฟแก่ๆ น้ำตาลครึ่งช้อน อย่างนี้ใช่ไหมคะที่พี่มรุตชอบ”
“ครับ ขอบคุณมาก”
เขารับถ้วยกาแฟ แต่เผลอมองช่วงอกบ้าง ช่วงเอวบ้าง ที่อวดตัวอย่างเปิดเผยของหญิงสาว
“หนูรุ่งหุ่นดีนะ แต่งตัวตามสมัยได้สวยจริงๆ” คุณประไพชม
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส “เมืองไทยเมืองร้อน พอเสื้อสายเดี่ยวกางเกงเอวต่ำเป็นที่นิยมรุ่งก็เลยกระโดดเข้าใส่ ผู้ปกครองก็ไม่ว่าเพราะว่ามันประหยัดดี ไม่ต้องเปลืองแอร์ด้วยค่ะ เอ แล้วเวลาอยู่ที่โน่น สาวๆ แต่งแบบนี้กันหรือเปล่าคะ”
“ช่วงหน้าร้อนก็มีแต่งกันจ้ะ แต่ไม่ได้ดูสวยเหมือนอย่างนี้” คุณฉัตรผสมผสาน
คุณเปี่ยม พออกพอใจที่หลานสาวของคุณสมฉวีเข้าได้กับทุกคน แต่ทีศรุตา คุณเปี่ยมกลับกีดกันให้อยู่ห่างสมาชิกที่เพิ่งย้ายเข้ามา พอเธอมีโอกาสจะคุยกับมรุต ผู้ซึ่งคล้ายรอทีจะพูดคุยด้วยอยู่นาน คุณเปี่ยมก็เข้ามาแทรก
“กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ”
“ผมถามว่าต้าไปทำงานยังไง ถ้าวันไหนไม่สะดวกจะไปกับผมก็ได้ครับ”
ประกายตาคุณเปี่ยมกร้าวขึ้น ทว่าน้ำเสียงเหมือนอารมณ์ดี
“อ๋อ ช่วงเช้าต้าไปกับอานอกจากถ้าอามีธุระก็จะให้คนขับรถขับไปส่ง… เออ… ต้าไปดูแม่ซิ นอนอยู่ในห้องคนเดียวไม่มีใครคุยด้วยไม่รู้ว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า”
พอถูกคุณเปี่ยมกีดกันเธอจึงต้องเดินหงอยๆ จากไป
มรุตมองตาม…..
แม่แต่งชุดนอนออกจากห้องน้ำเดินมานั่งหน้ากระจกเงา “ข้างล่างเรียบร้อยดีไหมต้า มีใครถามหรือเปล่าว่าทำไมแม่ไม่ทานข้าวด้วย”
“ค่ะ ถาม….. ลุงเปี่ยมบอกไปแล้วว่าแม่ไม่ค่อยสบายเลยทานข้างบน”
“ไว้พรุ่งนี้แม่จะลงไปร่วมโต๊ะ”
เธอนิ่งมองแม่แตะแต้มครีมบำรุงผิวกับใบหน้า คุณนงนิตย์อายุน้อยกว่าคุณสมฉวีหลายปีแต่กลับร่วงโรยไร้เสน่ห์ คุณสมฉวีดูแลตัวเองดีจึงยังสาวพริ้ง สดสวยมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
เธอช่วยแปรงผมให้ “แม่คะ เราจะไปจากที่นี่กันหรือเปล่า”
“ไม่รู้ซิจ๊ะ ทุกอย่างแล้วแต่ลุงเปี่ยม”
“ทำไมต้องแล้วแต่ลุงเปี่ยมล่ะคะ”
แม่มองเธออย่างแปลกใจ “ทำไมต้าถามอย่างนั้นล่ะลูก”
“เอ่อ… ก็ทำไมไม่แล้วแต่แม่ล่ะคะ”
“อ้าว ก็ลุงเปี่ยมเป็นคนดูแลพวกเรา แม่ไม่ขัดใจลุงเปี่ยมหรอกลูก แม่ไม่ต้องการอะไร นอกจากอยากเห็นต้ากับตุ้ยมีความสุขและมีชีวิตที่มั่นคงเท่านั้น”
“แล้วแม่มีความสุขหรือเปล่า”
อีกฝ่ายนิ่งไปนิดหนึ่ง “แม่สุขเพราะมีลูกๆ ความสุขอื่นๆ แม่เลิกนึกถึงมานานแล้ว ยิ่งพอมาเจ็บป่วยแม่ก็ยิ่งไม่คิดอะไรอื่น ขอเพียงอยู่ไปวันๆ กับลูกๆ แม่ก็พอใจที่สุด”
เธอกอดจุมพิตแก้มมารดา ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากถอนใจกลัดกลุ้ม
รุ่งแสงมีรถส่วนตัวขับไปทำงาน ขณะที่ศรุตาต้องนั่งตัวลีบไปข้างๆ คุณเปี่ยม ฟังเขาพูดถึงความรักที่มีต่อแม่ของเธอและนายตุ้ยรวมทั้งตัวเธอด้วย “ลุงเลี้ยงต้ามาตั้งแต่ยังตัวเล็กกระเปี๊ยก ถึงไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูก ลุงรักต้าไม่น้อยกว่ารักนายตุ้ยที่เป็นลูกแท้ๆ หวังว่าต้าคงไม่ทำให้ลุงผิดหวังนะ”
“ค่ะ ต้าก็หวังว่าอย่างนั้นค่ะ…..” เธอบิดมือตัวเองงึมงำพึมพำตอบสนอง “ลุงจะซื้อรถให้ต้าขับจะได้ดูแลตัวเองไม่ต้องคอยเรียกคนนั้นคนนี้ แล้วจะได้ขับให้แม่กับน้องนั่งด้วย แม่เราขับรถได้ แต่สุขภาพอย่างนั้นให้นั่งเฉยๆ ดีกว่า”
เธอขับรถเก่งแล้ว ไม่ใช่ใครอื่น ก็ลุงเปี่ยมนั่นแหละที่สอนให้
“อยากได้รถอะไร สีอะไร” เขาถามอย่างใจดี
“เอ่อ อะไรก็ได้ค่ะ”
“งั้นวันนี้ลุงจะเรียกตัวแทนขายมาที่ออฟฟิศ แต่ต้าต้องสัญญานะว่าพอมีรถขับแล้วจะไม่เถลไถลกลับบ้านดึกดื่นให้ต้องเป็นห่วง”
“ค่ะ…..” เธออ้อมแอ้มรับคำ ไม่ตื่นเต้นยินดีแม้แต่นิด
ร่างสูงของ ดร. มรุต นั่งอยู่ในทิศทางที่มองเห็นชัดเจนเมื่อหญิงสาวเดินตามคุณเปี่ยมเข้าประตูสำนักงาน ชายหนุ่มอดรู้สึกพิศวงไม่ได้ หลานสาวสองคนของคุณเปี่ยมมีอายุใกล้เคียงกัน คนหนึ่งแต่งตัวทันสมัยเฉียบไม่ลังเลที่จะอวดทรวดทรงเนื้อหนังมังสา อีกคนกลับใส่เสื้อหลวมๆ ซ่อนรูปร่างที่ไม่ได้ด้อยกว่าคนแรก ชุดเครื่องแบบที่สวมใส่มาทำงานเหมือนกับหยิบยืมมาจากคุณป้าคุณน้า แม้แต่สาวอ้วนตุ้ยนุ้ยอย่างโศภิตยังทันสมัยกว่าเธอ
คุณเปี่ยมเดินเลยไปเข้าห้อง หญิงสาวนั่งลงข้างๆ โศภิตด้วยสีหน้าเจื่อนจางไม่แจ่มใส สองสาวกระซิบพูดคุยกัน
“ฮะแอ้ม….. คุยอะไรกันนักหนาจ๊ะ พี่รองานอยู่นะโศภิต” คุณทิพาขัดจังหวะทำให้โศภิตต้องรีบหันกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงาน
ครั้นพอคุณทิพาลุกเดินจากไป โศภิตก็ยื่นหน้ามาพูดอย่างยินดี
“ต้า คืนก่อนนั้นโศ ออกจะงงๆ ตัวเอง ไม่รู้ว่าขึ้นไปร้องเพลงต่อหน้าผู้คนมากๆ ได้ยังไง แต่ว่าตอนนี้โศได้คำตอบแล้ว”
“เหรอ คำตอบคืออะไรล่ะ”
“มันคงเป็นจิตใต้สำนึกของโศเองแหละ”
“เอ๋ ยังไงกัน”
“ตอนนั้นที่ลุกเดินออกไปขี้นเวที โศไม่รู้ตัวเลย รู้สึกเหมือนกำลังฝัน พอร้องเพลงไปแล้วก็เริ่มรู้สึกเลอะๆ เลือนๆ ใจหนึ่งอยากจะวิ่งหนีแต่กลับไม่เป็นตัวของตัวเองจนร้องจบไปแล้วสองเพลงถึงบังคับตัวเองได้เลยแจวอ้าว เพราะตกใจมาก แต่จริงๆ แล้ว เวลาที่โศลองแอบร้องที่บ้านกี่ครั้งๆ ก็ทำได้เหมือนกัน ถึงมาคิดได้ว่านี่เป็นตัวโศเองไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ว่าจิตใต้สำนึกมันนำทางให้ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าอยู่นั่นเอง”
“อืม….. อย่างนั้นหรือ”
“ต่อให้ลุกขึ้นร้องเดี๋ยวนี้ก็ทำได้ มีสติสมบูรณ์ดีทุกอย่างด้วย” เธอยืนยัน
“จิตใต้สำนึกโศช่างมีพลานุภาพดีจริงๆ”
“โศไม่กลัวที่จะต้องร้องเพลงต่อหน้าผู้คนอีกแล้ว”
“ดีจังเลย แหม อยากรู้จังว่าจิตใต้สำนึกของต้าคืออะไร จะนำทางอะไรให้ต้าบ้าง”
“ต้าชอบอะไร หมกมุ่นครุ่นคิดถึงอะไรล่ะ”
หญิงสาวนิ่งนึก เรื่องวิตกทุกข์ร้อนของเธอเหมือนจะมากมาย เรื่องที่ได้ยินคุณเปี่ยมพูดกับคุณสมฉวี เกี่ยวกับคุณย่าและคุณฉัตร แล้วยังเรื่องที่เธอตกหลุมรักดร. มรุต ตั้งแต่แรกเห็น
เธอไม่มีคำตอบให้โศภิต
คุณเปี่ยมพามรุตประชุมสั้นๆ ก่อนจะปลีกตัวออกจากบริษัทไป ชายหนุ่มศึกษางานจากรายงานต่างๆ และการพูดคุยกับพนักงานที่เกี่ยวข้องโดยมีรุ่งแสงและทิพาเป็นผู้ช่วยอยู่หลายวันแล้ว เขาได้แต่มองศรุตา ผู้ซึ่งคล้ายไม่มีบทบาทอะไร เพราะแม้แต่โศภิตก็ยังทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าเธอ
แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอเป็นที่รักของคุณเปี่ยม……!
พอได้โอกาสเขาก็มายืนหน้าโต๊ะทำงาน ศรุตาพิมพ์งานไม่คล่องเท่าโศภิต เธอไม่เคยเรียนพิมพ์แบบสัมผัส จึงต้องก้มหน้าก้มตาจับจ้องต้นแบบ กว่าโศภิตจะเรียกให้รู้ตัวเขาก็ยืนมองเธออยู่นาน
“อุ๊ย พี่มรุต”
“กำลังทำงานยุ่งเชียวนะ”
“เอ่อ คือ… พี่มรุตมีอะไรจะใช้ต้าหรือคะ”
“แหม ต้องมีเรื่องใช้ด้วยหรือถึงจะมายืนตรงนี้ได้”
เธอมองใบหน้าสีสวยที่เธอคิดว่าไม่มีใครน่าดูเท่างงๆ เขาไม่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวมากมายเหมือนปรายเปรม มุมปากบางๆ คลี่นิดเดียวกับประกายตาคมวาบกลับเป็นยิ้มที่ประทับใจเธอเหลือเกิน
สีหน้าของเธอทำให้ชายหนุ่มรุ่นพี่อดนึกเอ็นดูไม่ได้ เขานั่งลงด้วยท่าทีเป็นกันเอง “พี่อ่านรายงานจนปวดหัว ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกเลยคิดว่าต้าน่าจะช่วยได้”
“อะไรคะ ต้าน่ะหรือจะช่วยได้” เสียงถามแปลกใจอย่างยิ่ง
“ก็ต้าทำงานมาก่อนพี่นี่นา”
“ต้าทำงานก่อนพี่มรุตไม่นานแล้วก็ทำแค่งานกระจอกๆ…..” เธอชะงัก หันไปมองโศภิตก็เห็นฝ่ายนั้นค้อนวาบๆ แปลว่าเงี่ยหูฟังอยู่จริงๆ “เอ่อ คือต้าทำอะไรไม่ค่อยเป็นแล้วลุงเปี่ยมก็ไม่ได้ใช้งานอะไรจริงจังเหมือนคนอื่นๆ น่ะค่ะ เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร”
“คุณทิพากับรุ่งแสงเก่งและคล่องมาก แต่กลับให้ความกระจ่างในจุดที่พี่อยากรู้ไม่ได้ พี่เลยอยากคุยกับต้า”
“อือ ลองคุยกับโศไหมล่ะคะ โศเค้าเก่งกว่า ทำงานมากกว่าต้าแยะเลย”
โศภิตหน้าบาน “โศเต็มใจช่วยเสมอนะคะ”
“ครับ แล้วผมคงต้องอาศัยคุณโศ ว่าแต่…..” เขาหันมาหาเธอ “ตอนนี้ต้าว่างไหม เข้าไปคุยกันในห้องทำงานหน่อยซิ”
หญิงสาวลังเล รู้ว่าคุณเปี่ยมคงไม่ชอบแน่ แต่จะเป็นอะไรไปในเมื่อคุณเปี่ยมไม่อยู่
เธอลุกเดินตามร่างสูงต้อยๆ
คุณทิพากลับมาจากแผนกอื่น มองเห็นร่างเล็กๆ ตามหลังอีกฝ่ายก่อนประตูห้องจะปิดพอดี เธอชะงักแล้วก็ทำสิ่งที่ได้รับคำสั่งไว้ก่อน
โทรศัพท์รายงานให้คุณเปี่ยมรับรู้……..