อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 26

คุณฉัตรและคุณประไพ ยิ่งมองเธอแปลกๆ    คราวนี้มีความกริ่งเกรงฉายชัด    พอน้องสาลี่เข้าไปกอดปลอบ    “พี่ต้าเป็นยังไงบ้างคะ” คุณประไพก็รีบดึงร่างเล็กๆ ให้ถอยห่าง

“สาลี่    มานี่เร็ว……”    น้ำเสียงคุณประไพแตกตื่นก่อนจะรีบกลบเกลื่อน    “มาอยู่ใกล้ๆ คุณย่าเถอะ”

คุณย่าหัวใจเต้นเร็วแรงหมดเรี่ยวแรงไปเฉยๆ    ขณะที่ทุกคนช่วยกันปฐมพยาบาล   ปรายเปรมก็สั่งคุณนกเสียงขรึม

“ลองวัดความดันคุณย่าดูซิครับ”

คุณนกหันไปคว้าเครื่องมือ

เขาหันมาทางศรุตา “ต้า ไปล้างมือก่อน”

เสียงเข้มเครียดขรึมทำให้หญิงสาวเดินตามโดยดี    มีโศภิตและน้องชายเดินตาม

ใบหน้าที่คร้ามแดดจนแดงของอีกฝ่ายแม้คลายความเครียดลงแต่ยังขรึมเหมือนขุ่นเคือง    ศรุตายังตัวสั่นจิตใจไม่อยู่กับตัวสมองสั่งการไม่เต็มที่    รู้ว่าเขาเปิดน้ำให้แล้วมือใหญ่ที่ลื่นสบู่ก็พัวพันกับมือเธอเป็นนาน

เธองุนงงเหม่อมองมือใหญ่สีคล้ำที่พัวพันกับมือขาวๆ ของเธอที่ใต้สายน้ำก๊อก เป็นอีกครั้งหนึ่งนับแต่เมื่อวานนี้ที่เธอรู้สึกแปลกๆ

เธอลืมความตกใจเมื่อครู่ไปจนหมด    มองหน้าเขาอย่างลืมตัวก็เห็นสีหน้าเขาอ่อนลง


“ไปเรียนวิธีจับงูมาจากไหน”    รุ่งแสงที่เฝ้ามอง    แม้จะเจือเสียงหัวเราะแต่น้ำเสียงยังแตกพร่านิดๆ

สงสัยว่าถ้าเป็นเธอ   เขาจะทำให้ในแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า

ชายหนุ่มพูดขรึมๆ    “ถ้าไม่จับไว้ มันคงกัดคุณย่าแล้ว”

“ยังกับเจ้าแม่ในหนังเลย พี่ต้า”    นายตุ้ยส่งเสียง

“เจ้าแม่ที่ไหนจะร้องกรี๊ดๆ กลัวงูแทบแย่”    โศภิตแย้งอ่อยๆ

รุ่งแสงถามว่า    “นึกยังไงขึ้นมาถึงจับมันแบบนั้น”

เธอกระพริบตาทบทวนความทรงจำ   รู้ว่าพอเห็นงูตวัดจะฉกคุณย่า   มือเธอก็ตวัดคว้าคอมันไว้    แต่ว่าเธอไปถึงตรงนั้นและทำแบบนั้นได้ยังไง   องค์อัปสราแน่ๆ

เธอยกมือไหว้อากาศ    “ขอบคุณที่ช่วยคุณย่าไว้ค่ะ”

รุ่งแสงเลิกคิ้ว    “ขอบคุณใคร”

“นางฟ้าของต้าไง”

“เฮ้อ…”    สาวสวยถอนใจอย่างเบื่อหน่าย    และปรายเปรมก็มุ่นหัวคิ้วมองเธออย่างครุ่นคิด


คำถามที่ว่า งูเข้าไปอยู่ในห้องคุณย่าได้ยังไง ได้รับคำตอบ    โดยคุณสมฉวีที่หน้าตาตื่นรีบพูดว่า

“เอาอีกแล้วหรือ    เมื่อก่อนก็เคยเป็นแบบนี้”

“เอ๊ะ    มันยังไงกัน”

สีหน้าเธอบอกพิรุธ    “หวีเคยได้ยินแต่ไม่ค่อยแน่ใจ    เรียกคนดูแลบ้านมาถามดีกว่าค่ะ”

อัสนีย์เป็นคนไปตามคนดูแลบ้านที่ให้คำตอบซื่อๆ ว่า    “มันคงหนีฝนเข้ามาขรับ”

คุณประไพร้องว่า    “เอ๊ะ    แล้วจะยังมีอยู่อีกหรือเปล่า”

“อ้าว    แล้วไม่เป็นอันตรายกับคนที่มาเช่าหรือ”    คุณฉัตรร้องออกมา

“ความจริงไม่เห็นพวกมันหลายปีแล้วขรับ”

“บริเวณบ้านก็ไม่รกสักหน่อย”

“เจ้านายสั่งให้ดูแลพวกผมก็ทำตาม    แต่ไม่รู้ว่ามันมายังไงขรับ”

“แล้วตอนทำความสะอาดไม่ได้ตรวจดูหรือ”

เขาก้มหน้ายอมรับว่าลูกเมียที่ทำหน้าที่นี้อาจจะละเลยไปบ้างเพราะไม่มีกรณีนี้มานานแล้ว    ทุกคนรีบตรวจตราซอกมุมในบ้าน กลัวว่าจะต้องตระหนกตกใจกันอีก

รุ่งแสงเย้าว่า    “ถ้ามีอะไร เรียกหาหมองูต้าก็แล้วกัน”

“ฮึ    ยังได้นะ”    เธอหน้ามุ่ยตอบสนอง

“ตั้งบริษัทใหม่รับจับงูซะเลยดีกว่าต้า”

“จัดโชว์จับงูมือเปล่าดีกว่า    ตุ้ยว่ารวยอื้อเลย”    พ่อน้องชายผสมผสาน    “แต่ว่าต้องแสดงแบบนี้นะจะได้สมจริง…..   ว้าย..    กรี๊ด    ไม่เอาๆ”    เขาทำท่าทางน่าหมั่นไส้จนพี่สาวค้อนขวับกระแทกตัวเข้าใส่อย่างอดไม่ได้


องค์อัปสราไม่ได้ปรากฏกายอีกจนทุกคนหลับไปแล้ว    ท่านเคยบอกศรุตาว่า “คนบางคนทำให้ฉันติดต่อเธอไม่ได้   บางครั้งเสียงดังๆ ก็รบกวนจนต้องหนีไปหลบที่อื่น   แต่ว่ากิเลสของมนุษย์บางคนแผ่รังสีร้อนแรงออกมาและมันรบกวนยิ่งกว่าเสียงดังๆ ซะอีก”

ศรุตากำลังจะหลับท่านก็มานั่งข้างเตียง    “เมื่อไหร่เราจะได้กลับที่ของฉันสักที”

“โถ    ท่าน    คิดถึงบ้านหรือคะ”

“โลกมนุษย์ไม่เห็นมีอะไรน่าสนุก”

“ท่านเห็นโลกมนุษย์ทั่วแล้วหรือคะ”

“ก็เห็นเท่าที่จะเห็นได้”

“เท่าที่ต้าเห็น    โลกสวรรค์ก็ไม่เห็นมีอะไร”    เธอเถียงบ้าง

“แต่โลกสวรรค์ร่มเย็น    ไม่มีกิเลสร้อนๆ ของมนุษย์รบกวน”

“ต้ายังไม่ได้ขอบคุณที่ท่านช่วยคุณย่าไว้เลยค่ะ”    เธอพนมมือไหว้

“เราต่างก็ช่วยกัน    แต่ฉันก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนักที่เข้ามาแทรกแซง ลิขิตของชีวิตมนุษย์    ฉันกลัวว่าจะเผลอทำอะไรที่ไม่สมควรแล้วจะต้องรับโทษมาเกิดเป็นมนุษย์”

“เอ่อ…ท่านหมายความว่าคุณย่าถูกลิขิตให้ถูกงูตัวนั้นกัดหรือคะ”

“ไม่ใช่    คุณย่ายังดวงแข็งแล้วก็มีบุญรักษา   ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“แหม    งั้นก็โล่งอกไป”

“แต่ศรุตาก็ประมาทไม่ได้นะ    เธอเองก็กำลังมีเคราะห์”

หญิงสาวตาโต    “ใครจะทำอะไรต้าหรือคะ”

“ฉันไม่รู้จริงๆ    แต่ว่าถึงรู้ก็บอกไม่ได้    การเที่ยวพูดว่าใครคิดไม่ดีจะทำอะไรกับใครนี่เป็นเรื่องต้องห้ามของเทพ”

“แหม…..”    เธอทำปากยื่น แต่แล้วก็ยิ้ม    “แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ    เท่าที่คุณย่าปลอดภัยไม่เป็นอะไร ต้าก็พอใจแล้ว”

เสียงของหญิงสาวได้ยินแว่วๆ ไปถึงหูคนที่มาแอบยืนฟัง    คุณสมฉวีคิดว่าศรุตากำลังคุยกับโศภิต    ไม่รู้ว่าเจ้าตัวนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย

เธอกลับไปเรียกอัสนีย์ไปยืนกระซิบกระซาบไกลจากสายตาของคนอื่นๆ ด้วยท่าทีเคร่งเครียด………


เช้าวันรุ่งขึ้น   รุ่งแสงก็เรียกปรายเปรมให้ขับรถพาไปซื้ออาหารสดที่ท่าเรือ    “จะได้ทำมื้อกลางวันทานกันที่นี่”

ชายหนุ่มชำเลืองมองศรุตา    เห็นเธอกำลังพูดคุยเล่นหวัวกับกลุ่มมรุตและเด็กๆ ที่ดูเหมือนเขาจะเข้าไม่ถึง จึงได้แต่ทำหน้าขรึมเดินผ่านไป    ศรุตาหันมา   เห็นแต่หลังกว้างๆ ในเสื้อยืดสีเข้มที่กำลังเดินออกประตู

เธอได้แต่บ่นตามหลัง    “ตาพี่ปรายจะไปไหนอีกล่ะ    ไม่ยอมเรียกกันบ้างเลย”

“นั่นซิ    นึกว่าจะมาเที่ยวสนุกด้วยกันก็กลับแยกตัวซะเฉยๆ”    โศภิตเสียงอ่อย

“กลัวเราไปเป็นกอขอคอมั้ง”

“ฮื่อ    เค้าคงชอบกันจริงๆ น่ะแหละ”    สาวอั๋นพูดเจื่อนๆ

ศรุตาฟังแล้วก็รู้สึกประหลาด    เธอแปลกใจตัวเอง    เธอไม่เคยเดือดร้อนมาก่อนว่าชายหนุ่มจะรักชอบใคร    แต่ในครั้งนี้กลับรู้สึกวูบวาบขึ้นมาเฉยๆ


พอสายคุณสมฉวีก็มาบอกเธอว่า    “ต้าช่วยขับรถให้อาที    แวะไปส่งอัสนีย์ที่ท่ารถแล้วอาจะต้องซื้อยาด้วย    ยาของอาหมดพอดี”

ตั้งแต่ศรุตาได้ยินคุณสมฉวี กระซิบกระซาบกับคุณเปี่ยมเรื่องคุณย่า    แล้วยังมารู้จากปรายเปรมว่าทั้งสองมีอะไรกัน เธอก็ปลีกตัวไม่ยอมสุงสิงด้วย แต่หลังจากนั้นเธอก็เห็นคุณสมฉวีสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัวอ่อนหวานเหมือนเคย    ความระแวงสงสัยจึงค่อยๆ จางลง

อัสนีย์ร่ำลาพวกผู้ใหญ่ทุกคนเสร็จแล้วก็ถือกระเป๋าสัมภาระใบเล็กมาขึ้นรถเครียดๆ    มาคราวนี้อัสนีย์คนขี้เล่นกลับเงียบขรึมผิดเคย    ที่เคยถือโอกาสหยอกเย้าถึงเนื้อถึงตัวก็ไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย

“งานยุ่งมากหรือพี่อัส”

“อะไรนะ…”    เขามีอาการสะดุ้งเล็กน้อย    “อ๋อ… ใช่ งานยุ่งมาก”

“ลุงเปี่ยมก็ไม่อยู่ซะด้วย    รู้งี้ไม่น่าทิ้งงานมาเลยเนอะ”

“หือ…    เอ้อ…    ใช่”

พอถึงที่    ร่างสูงก็เลื่อนออกไปจากรถอย่างรวดเร็ว    เขาเกือบจะลืมกระเป๋าเสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำถ้าเธอไม่เรียกไว้

เธอบ่นว่า    “แปลกจริง    ไม่รู้ว่าพี่อัสคิดอะไรอยู่”

“เขาเป็นห่วงงาน”    เสียงของคุณสมฉวีก็ไม่ราบรื่นนัก

คุณสมฉวี บอกทางให้เธอขับรถ    ร้านขายยาที่ว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชน เธอต้องวนรถหลายรอบกว่าจะพบ    ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งชำเลืองมองนาฬิกาบนแผงใกล้พวงมาลัยหลายครั้ง

“ยาอะไรคะ    อาหวี    ทำไมต้องมาซื้อที่นี่”

“เป็นยาพวกสมุนไพร    หมอที่นี่เค้าปรุงเองไม่ได้วางขายที่ไหน”

“ยานี่ช่วยอะไรคะ”

“ก็…..    ช่วยหลายอย่าง…..”

“สำหรับคุณย่าหรือคะ”

“ก็…   ใช่…    สำหรับทุกคน    มันเป็นยาบำรุงกำลัง…”

เธอเห็นอีกฝ่ายไม่มีใจอยากพูดคุยก็เลยพลอยนิ่ง

พอหาร้านเจอ จอดรถแล้วศรุตาก็ตามลงจากรถด้วย

“ต้ารออาที่นี่เถอะ”

“ต้าอยากไปดูว่าเค้ามียาอะไรบ้างค่ะ”

ร่างบางๆ ตามติดทำให้อีกฝ่ายอึกอัก    เจ้าของร้านต้อนรับทักทาย    เสียงพูดคุยทำให้หญิงสาวจับใจความได้ว่าคุณสมฉวีเข้าใจผิด   ที่นี่ไม่ได้มีการปรุงยาเฉพาะแต่อย่างใด    แต่เธอก็พูดคุยนั่นนี่บอกให้รู้ว่าเธอมาที่นี่บ่อยๆ เพราะมีทั้งบ้านพักตากอากาศและสวนยางสวนผลไม้หลายแห่งต้องดูแล

เพราะว่าไม่ได้มีลูกค้ามากมาย   ทั้งสองฝ่ายจึงคุยกันอยู่นาน

ศรุตา ตามคุณสมฉวีกลับมาขึ้นรถพร้อมด้วยถุงยาจำนวนหนึ่ง    “เลยไม่ได้ซื้อยาบำรุงที่อาหวีต้องการ”

“นั่นซิ    แต่อาหวีก็ได้ยาจำเป็นหลายอย่างนะ…    อุ๊ยตาย   นี่อาลืมกระเป๋ากุญแจไว้ข้างในร้าน    ต้ารอประเดี๋ยวนะ”

“ต้าไปเอาให้ก็ได้ค่ะ”

“อาไปเอาเองดีกว่า    ต้าคงไม่รู้หรอกว่าอาวางมันไว้ตรงไหน”

ร่างที่ยังสวยสำอางรีบกระวีกระวาดก้าวลงจากรถเดินกลับไปทางเดิม    ศรุตาได้แต่มองตาม    ความที่คุ้นเคยกันมาแต่เล็กและผู้สูงวัยกว่าก็อ่อนหวานดูแลเธออย่างดีมาโดยตลอดทำให้เธอนึกอภัยระคนสงสาร    ตำหนิตัวเองที่เคยระแวงสงสัยคิดในทางร้ายกับคู่สะใภ้ของมารดา

แล้วศรุตาก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ชายแปลกหน้าก็จู่โจมถึงรถ กระชากประตูให้เปิดออก    เธอกรีดร้องเมื่อมือหยาบกระชากเธอโดยแรง    จนแม้เธอพยายามยึดพวงมาลัยไว้ก็ทานแรงไม่ได้

“ช่วยด้วย…    ช่วยด้วย…”    เธอร้องลั่น

รถอีกคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบ เปิดประตูออกในจังหวะที่ร่างบางๆ ถูกฉุดกระชากผลักไสเข้าหา    มือหยาบใหญ่ของใครอีกคนหนึ่งพุ่งมาจับแขนบางๆ กระชากเข้าไปโดยแรง    เธอเซถลาปะทะร่างใหญ่ที่มึดทะมึน แล้วอะไรบางอย่างก็ถูกโปะลงมาบนใบหน้าปิดแน่น    ดิ้นขลุกขลักไม่กี่ทีเธอก็รู้สึกว่าโลกมืดลง

คุณสมฉวีออกมาจากในร้านมองหาเห็นแต่รถที่เปิดประตูทิ้งไว้    แต่ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์แข่งกันส่งเสียงบอกเล่าพลางชี้มือชี้ไม้ตามหลังรถที่เร่งเครื่องหนีทิ้งฝุ่นบดบังคละคลุ้ง

เธอรับฟังเรื่องราวแล้วกรีดร้องออกมา..….


ทุกคนในบ้านรับทราบข่าวด้วยความตระหนกตกใจ    ปรายเปรมได้รับโทรศัพท์จากโศภิตก็รีบกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเห็นรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน    เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังซักถามทุกคนอย่างจริงจัง

คุณย่าหน้าซีดหมดแรงจนทุกคนลงความเห็นว่าต้องพากลับกรุงเทพฯ เพื่อให้แพทย์ประจำตัวดูแล

“ย่าจะอยู่ฟังข่าวต้า โธ่ ไม่น่าเลย”    คุณย่าน้ำตาซึมเพราะความห่วงใย

คุณฉัตรพูดว่า    “คุณแม่อยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้    ให้มรุตอยู่ก็แล้วกัน    ผมว่าพวกเราควรจะพาเด็กๆ กลับกันก่อน”

โศภิตคร่ำครวญอย่างห่วงใย    “โธ่    ต้า    รู้อย่างนี้โศไปด้วยก็ดีละ    ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้    ทำไมถึงได้เคราะห์ร้ายอย่างนี้”

“ต้าคงไม่เป็นอะไรมั้ง    ขนาดงูพิษตัวโตๆ เค้ายังจับมือเปล่าได้ คนไม่มีพิษจะกลัวอะไร”

สายตาของปรายเปรมทำให้คนพูดหน้าเจื่อน    แก้ตัวว่า

“แหม    รุ่งพูดให้สบายใจกันเท่านั้นน่า    โวยวายไปจะมีประโยชน์อะไร    ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดกันดีกว่า”

ชายหนุ่มขับรถออกไปดูที่เกิดเหตุ มีหญิงสาวตามติดอยู่ข้างๆ    สีหน้าเครียดขรึมของเขาทำให้เธออดถามไม่ได้

“คุณปรายโทษรุ่งในใจใช่ไหมนี่”

“ผมจะโทษรุ่งได้ยังไง”

“ก็รุ่งชวนคุณปรายไปซื้อของ    ไม่อย่างนั้นคงเป็นคุณปรายที่ขับรถให้อาหวีแทนต้า”

“ผมไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลจะได้เที่ยวโทษคนโน้นคนนี้”    เขาพูดขรึมๆ ประกายตาเครียดเพราะความวิตกที่กดทับในอก

ทุกคนลืมไปสนิท    ไม่ได้เฉลียวใจว่าเป็นคุณสมฉวีที่จดรายการให้รุ่งแสงเรียกปรายเปรมให้ขับรถไปซื้อของ…….



จบบทที่ 26