“พอเปี่ยมไม่อยู่ บ้านก็เหงาเลยนะ”
เสียงรำพึงของคุณย่าทำให้คุณฉัตรและคุณประไพมองหน้ากัน คุณสมฉวีที่นั่งอยู่ด้วยต้องยิ้มออกมา “แหม คุณเปี่ยมเพิ่งไปหยกๆ คุณแม่ก็พูดอย่างนี้ นี่อีกตั้งหลายวันนะคะ กว่าจะกลับ”
“นั่นซิ จะไปกี่วันก็ไม่ได้บอกแน่เสียด้วย” คุณย่าพูดเหงาๆ
คุณฉัตรฝืนยิ้มทั้งๆ ที่รู้สึกตาร้อนครามครัน รู้มานานแล้วว่าแม่เลี้ยงหลงคุณเปี่ยม ค่าที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วพอโตขึ้นก็รูปหล่อทั้งยังปากหวานช่างประจบประแจงเอาใจคุณย่ามาตลอด เขาเสียดายที่ตอนนั้นมุทะลุโผงผาง ต่อต้านแล้วออกจากบ้านไป แล้วยังทำเหมือนไม่ดูดายใยดีเธอมาตลอด
“คุณแม่ต้องการอะไรก็บอกผมได้ครับ หรือถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนผมจะพาไปเอง” เขาทำทีเอาใจ
“แม่ไม่ต้องการอะไรหรอก แค่รู้สึกโหวงๆ เพราะเปี่ยมไม่อยู่เท่านั้นเอง เรื่องจะไปเที่ยวไหนแม่ก็ไม่นึกอยากไปทั้งนั้น คนไม่สบายไปไหนมาไหนก็เป็นภาระ อยู่กับบ้านดีกว่า”
“แต่คุณแม่อยู่แต่ในห้องคงจะเบื่อ ผมว่าเราน่าจะไปเที่ยวกันบ้างนะครับ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างจะได้สบายใจขึ้น”
“อืม นั่นซิคะคุณแม่ ไปชายทะเลก็ดีนะคะ” คุณประไพสนับสนุน แล้วก็โพล่งออกมา “ไพได้ยินว่าคุณแม่มีบ้านใหญ่ติดทะเลอยู่ที่ระยองไม่ใช่หรือคะ ไพไม่เคยไปอยากเห็นจังเลย”
“คุณไพได้ยินจากไหนหรือคะ” คุณสมฉวีถามอย่างเยาะหยัน รู้เท่าทัน
“อ้าว แหม… ก็คุณพ่อเป็นคนซื้อ ฉัตรก็ต้องเล่าให้ฉันฟังเป็นธรรมดา”
คุณย่าไม่ได้สนใจการคุมชั้นคุมเชิงของลูกสะใภ้ทั้งสอง
“จริงซิ ตอนนั้นแม่ได้แต่ให้คุณชิตซื้อไว้แต่แทบไม่เคยได้ไปเลยเพราะเมื่อก่อนงานยุ่งมาก หลายปีมานี้ก็มัวแต่ไม่สบายเลยลืมบ้านนั้นไปสนิททีเดียว” เธอหันมาหาคุณสมฉวี “เอ ตอนนี้เปี่ยมให้คนอื่นเช่าหรือยังไงแม่หวีรู้บ้างไหม”
“ค่ะ ก็เปิดให้เช่าพักตากอากาศแต่ว่าไม่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำหรอกค่ะ บ้านเก่ามาก นานๆ จะมีคนมาพักสักที มีแต่ค่าจ้างคนดูแลทำความสะอาดนี่แหละ ที่ต้องจ่ายประจำ”
“แต่ถ้าจะขายก็คงได้ราคาดีนะคะ ที่ดินผืนใหญ่ติดทะเลใครๆ ก็อยากได้ ดีไม่ดีจะมีราคาเป็นร้อยล้าน”
“อุ๊ย คงไม่ถึงอย่างนั้นหรอกค่ะ…!”
“แล้วพวกสวนผลไม้ล่ะครับ” คุณฉัตรชวนคุยเหมือนทวงถาม สีหน้าเจือยิ้มมองคุณสมฉวีเหมือนท้าทาย
“ก็….. คุณเปี่ยมจ้างคนแถวนั้นดูแลอยู่”
“เปี่ยมเขาเป็นธุระจัดการให้ทุกอย่าง นี่เขาก็คงเตรียมจะโอนทุกอย่างมาให้ฉัตรเร็วๆ นี้แหละ”
“แหม ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นเลยครับ คุณแม่”
“แต่ว่าแม่เป็นห่วง ตอนนี้แม่แก่แล้วและยังไม่สบายไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แม่อยากเห็นเรื่องต่างๆ เรียบร้อย จะได้นอนตายตาหลับ ที่ตอนนั้นต้องโอนทรัพย์สินของคุณพ่อไปให้เปี่ยมเพราะมันมีเรื่องต่างๆ ทางกฎหมายเกิดขึ้นมา แต่เปี่ยมรู้ดีว่ามีอะไรจะต้องโอนกลับบ้างแล้วยังของที่แม่ตั้งใจจะให้สาลี่อีกหลายอย่างด้วย”
“คุณแม่สบายใจเถอะครับ ผมอยากให้คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรงมากกว่า เรื่องอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย”
“งั้นหรือ” สีหน้าคุณย่าปลาบปลื้ม กลับมาคราวนี้คุณฉัตรมีแต่คำหวานมาป้อนให้
คุณประไพใจจรดจ่ออยู่ที่สมบัติชิ้นนี้ก็เลยรบเร้า
“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักที่บ้านหลังนั้นกันสักทีจะดีไหมคะ สาลี่เองก็อยากไปทะเล ตั้งแต่เกิดมาแกยังไม่เคยเห็นทะเลเมืองไทยเลย”
ประกายตาผู้สูงวัยวาบขึ้นอย่างนึกสนุก “เอาซิ ถ้าอยากพาคนแก่ไปไม่กลัวเป็นภาระ ไปเที่ยวกันสักทีก็ดีเหมือนกัน แม่หวีช่วยจัดการเรื่องที่ทางด้วย”
แม้รู้สึกขัดอกขัดใจแต่คุณสมฉวีก็จำต้องรีบรับคำเพราะกลัวว่าจะเสียคะแนน “หวีจะโทรไปบอกทางนั้นทันทีเลยค่ะ”
คุณสมฉวีโทรศัพท์ถึงหลายที่ แม้แต่คุณเปี่ยมก็ได้รับรู้ด้วย
“ดีแล้ว พวกมันอยากไปดูก็ให้ดูซะ……” คุณเปี่ยมคำรามเจือหัวเราะ…!
ทีแรกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันที่มุมสว่างริมสนามกว้างมีห้าคน มรุต สาลี่ สารัตถ์ โศภิตและศรุตา แต่แล้วสาลี่กับสารัตถ์ก็วิ่งตามกันเข้าบ้าน อีกครู่โศภิตก็เลี่ยงไปอาบน้ำเพราะใกล้เวลาที่ละครเรื่องโปรดจะมาแล้ว เมื่อปรายเปรมขับรถเข้ามาจึงเห็นหนุ่มสาวนั่งคุยกันอยู่ตามลำพัง แม้จะรู้สึกขัดอกขัดใจแต่ร่างสูงที่ล่ำสันก็เดินหน้ามุ่ยเข้ามาหา
มรุตรับไหว้ “อ้าว ทำไมวันนี้มาได้ ทานข้าวมาแล้วหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“งั้นไปทานพร้อมรุ่งแสงเลยคุณปราย เห็นเพิ่งกลับคงยังไม่ได้ทานเหมือนกัน” ศรุตาพูดซื่อๆ อย่างใยดี อีกฝ่ายยิ่งทำหน้าบึ้ง
“ผมไม่หิว ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงหรอก…!” เสียงเขาเข้มกว่าปรกติ
เธออดงงไม่ได้ “อ้าว ต้าหวังดีนะนี่ โมโหอะไรถึงมาพาลคนอื่น”
มรุตอ่านความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งออก ยิ้มให้อย่างใจดี
“ถ้าไม่หิวก็นั่งคุยกันก่อนซิ ปราย ประเดี๋ยวโศอาบน้ำเสร็จก็คงกลับลงมา นี่สาลี่กับตุ้ยชวนกันเข้าไปหาขนมเพราะวิ่งเล่นกันจนอาหารย่อยหมดแล้ว”
เขานั่งลงอย่างว่าง่าย สีหน้าดีขึ้นเมื่อรู้ว่าทั้งสองไม่ได้ตั้งใจเลี่ยงคนอื่นมาคุยกันตามลำพังแต่อยู่เป็นกลุ่มเมื่อครู่ก่อน
“ท่าจะทำงานเหนื่อยมากระมัง หน้าดำเป็นมันเชียว”
“เหนื่อยหรือไม่เหนื่อยหน้าคุณปรายเค้าก็ดำเป็นมันประจำอยู่แล้วละค่ะ พี่มรุต” ศรุตาตั้งใจล้อเล่น อีกฝ่ายกลับไม่เห็นขำ
“ผมทำงานกลางแดด ไม่ได้นั่งห้องแอร์จะได้ผ่องทั้งวัน”
“ทำงานอะไร”
“กรรมกรก่อสร้างค่ะ”
อีกฝ่ายค้อนเธอขึงๆ ขณะที่ชายหนุ่มผู้มีอาวุโสกว่าชำเลืองมองยิ้มๆ “ได้ยินว่าปรายเป็นวิศวกรคุมงานใหญ่อยู่หลายแห่งไม่ใช่หรือ”
“ครับ”
“เก่งนะ อายุยังน้อยๆ อยู่เลย”
“เค้าตามไปคอยซื้อโอเลี้ยงให้เจ้านายต่างหากคะ พี่มรุต”
“ต้าก็…..”
“ต้าไม่เคยเห็นผมเก่งหรอกครับ” น้ำเสียงเขาเจือตัดพ้อ
“แล้วมีใครเคยเห็นเหรอ” เธอยื่นหน้าเข้ามายั่วเย้า ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบมีซี่เล็กซ้อนอยู่กับซี่ใหญ่ใกล้มุมปากทั้งสองข้าง นัยน์ตาใสทำให้อีกฝ่ายไม่เคยจะโกรธลง
“อะไร ต้าชมปรายให้พี่ฟังบ่อยๆ”
ท่าทีเขาสนใจขึ้นมาบ้าง “หรือครับ ชมว่ายังไง”
เธอถามเหมือนแปลกใจจริงๆ “นั่นซิ ต้าชมว่ายังไงเหรอคะ”
“อ้าว…” มรุตได้แต่หัวเราะ
รุ่งแสงเห็นรถชายหนุ่มแล่นเข้ามาก็รออยู่นานก่อนจะตามลงมา “ปราย มาทานข้าวกันก่อนเถอะ”
“รุ่งทานเถอะ ผมไม่หิว”
“แหม ก็รออยู่นะ นี่ให้เค้าอุ่นอาหารให้ใหม่แล้ว”
“ผมตั้งใจจะแวะมาแป๊บเดียว” เขาชำเลืองมองศรุตาค้อนๆ
ศรุตาจึงถามว่า “แวะแป๊บเดียวนี่จะมาทำอะไรเหรอ”
น้ำเสียงชายหนุ่มมีแง่งอน “ก็ใครขอให้ผมขับรถให้ บอกว่าจะพาใครไปส่งที่วัดจำไม่ได้แล้วหรือ”
“อ๋อ…..เรื่องนั้น…..” เธอลากเสียง ชำเลืองมองชายหนุ่มวัยพี่ชายใหญ่ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องราวด้วย คิดว่าถ้าบอกเขาก็คงไม่เชื่อแล้วอาจจะไม่ยอมนั่งคุยกับเธอแบบนี้
“แล้วจะไประยองก็ไม่ยอมบอก ถ้ารุ่งไม่โทรไปชวนผมก็ไม่รู้”
สีหน้าขุ่นข้องเกินพอดีทำให้เธอต้องถามงงๆ
“อ้าว… แล้วต้าต้องบอกคุณปรายด้วยเหรอ”
“นั่นซิ ทำไมต้าจะต้องบอกผมด้วย…!”
มรุตนั่งมองยิ้มๆ ขณะที่รุ่งแสงร้องว่า “แหม เลิกตัดพ้อต่อว่ากันซักทีเถอะ ต้าไม่บอก รุ่งก็บอกแทนแล้วไง แล้วคุณปรายจะไปด้วยหรือเปล่าจะได้ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าใครจะไปกับรถคันไหน รุ่งขี้เกียจขับรถจะขอนั่งไปด้วยคน”
“ต้าเค้าคงไม่อยากให้ผมไปด้วยกระมัง”
“อ้าว ทำไมต้าถึงจะไม่อยากล่ะ…? เอ๊ะ หรือว่าไม่อยากดี” เธอรวนให้บ้าง คนอะไรมาถึงก็ว่าเอาๆ ตั้งใจหาเรื่องหาราวทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย
“แล้วจะทะเลาะกันอีกนานไหมครับนี่” มรุตถามยิ้มๆ
“ต้าไม่ได้ทะเลาะสักหน่อย พี่มรุตก็เห็นว่าพอคุณปรายมาถึงก็นั่นๆ นี่ๆ ไม่รู้โมโหใครมา”
มรุตเดาออกว่าชายรุ่นน้องอารมณ์เสียเพราะอะไร “น่าจะแจกนวมซะเลย” เขาพูดยิ้มๆ
“งั้นคุณปรายมากับรุ่ง รุ่งหิวข้าวจะแย่แล้ว”
รุ่งแสงดึงแขนชายหนุ่ม ร่างใหญ่คล้ายจะดื้อดึงทำให้ศรุตาต้องพูดว่า “ไปเถอะคุณปราย ทานข้าวก่อนทะเลาะทีหลัง จำไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง”
“งั้นเราก็ขึ้นข้างบนกันเถอะ” มรุตรีบชวนเพื่อตัดปัญหา
ศรุตาคิดว่าเพราะเขาเชียว แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอขัดใจได้ยังไง
พอทานข้าวเสร็จ ปรายเปรมก็ตามมารวนเธออีก “ต้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากให้ปรายไประยองด้วย”
“เอ๊ะ คุณปรายนี่ยังไงนะ อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องมาพูดมาก”
“ถ้าปรายไม่ไป อัปสราจะไปเล่นน้ำทะเลได้ยังไง ประเดี๋ยวก็ถูกเทพเร่ร่อนตามลวนลามเอาแย่”
เธออธิบายหน้าตาเฉย “อ๋อ ตอนนี้ต้ารู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง เวลามีปัญหาต้าจะทำเป็นหลับให้อัปสราเข้ามาแอบในร่าง ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรหรอก อัปสราบอกว่าชีวิตมนุษย์แต่ละคนมีลิขิตแรงกล้าจากกรรมของเขาเอง อมนุษย์ตนไหนเข้ามาแตะต้องทำร้ายจะต้องรับโทษรุนแรง”
“อ้อ…! แหม รู้ลึกอย่างนี้ อีกหน่อยคงเปิดโรงเรียนเทพศึกษาได้กระมัง” เขาประชดอย่างรู้สึกเหลืออดเหลือทน……..
รถยนต์หลายคันขับตามกันบ้างแยกกันมาบ้าง ที่ไม่ได้ใช้รถใหญ่คันเดียวเพราะแต่ละคนมีแผนการณ์ของตัว ปรายเปรมนั้นตั้งใจว่าจะกลับก่อนเพราะว่ามีงานรออยู่ ที่จริงเขาจะไม่มา แต่พอรู้ว่าอัสนีย์จะขับรถให้สมฉวี เขาก็เลยมาด้วย
เขารู้ว่าอัสนีย์ชอบศรุตาขณะที่อีกฝ่ายก็ไว้เนื้อเชื่อใจในฐานที่โตขึ้นมาด้วยกัน อัสนีย์เจ้าชู้บ้าบิ่น ขนาดไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ยังได้ยินว่ามีเรื่องกับสาวๆ อยู่เสมอ ไม่มีคุณเปี่ยมคอยทำตาขวางก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะทำอะไรบ้าง
ปรายเปรมได้ยินชายหนุ่มผู้นั้นชวนศรุตาเมื่อจะขึ้นรถ “ต้าไปรถคันเดียวกับพี่ซิ ให้ยายรุ่งไปกับปราย” เขาไม่สนใจ คว้ากระเป๋าศรุตากับโศภิตมาใส่รถตัวเองหน้าตาเฉย
หญิงสาวให้โศภิตนั่งข้างหน้า เธอเองนั่งข้างๆ น้องชาย ส่วนคุณนงนิตย์รับอาสาเฝ้าบ้านเพราะไม่มีอารมณ์สนุกด้วย ‘เผื่อใครติดต่อมาจะได้มีคนรับเรื่อง’ เธอว่า
“ทำไมต้าไม่ไปนั่งคันโน้นล่ะ”
พอออกรถชายหนุ่มก็เริ่มบทประชดประชัน หมั่นไส้แม่คนที่ทำตาอาลัยอาวรณ์สั่งเสียคนขับรถคันใหญ่ซึ่งมีเจ็ดที่นั่งอยู่นั่นแล้ว …..คุณย่าคงจำทางไม่ได้ ถ้าหลงทางก็โทรศัพท์นะคะ พี่มรุต เอ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีสัญญาณโทรศัพท์หรือเปล่า ลองดูหลายๆ เครื่องก็แล้วกัน….. ประเดี๋ยวพบกันค่ะ……
“ทำไม อยากให้รุ่งมานั่งคันนี้ใช่ไหม” เธอย้อนเสียงเขียว ส่งเสียงร้องเรียกเพื่อน “โศ เปลี่ยนรถกันเถอะ”
“เอ๊า ไม่ยอมเสียเวลากันเลยนะ จะทะเลาะกันให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“ก็ดูเถอะ ใครหาเรื่องใครก่อนล่ะเนี่ย”
“เขาหึง” องค์อรดีกระซิบบอก
“หึงหรือคะ…?..” เสียงถามฉงน
“อะไร ใครหึงใคร” โศภิตหันมาถาม
ชายหนุ่มมองเธอจากกระจกมองหลัง “นั่นซิ ใครหึงใคร หึงทำไมกัน”
เธอคล้อยตาม เสียงอ่อนเหมือนไม่ได้พูดกับใครสักคนในรถคันนี้ “อืม ใช่ ใครหึงใคร จะหึงทำไมกันล่ะคะ”
น้องชายมองเธองงๆ “อยู่กับพี่ต้าแล้วตุ้ยเวียนหัว รู้งี้ไม่มาก็ดีละ”
บ้านหลังใหญ่ได้รับการดูแลอย่างดีเพราะว่าเปิดให้เช่ารายวัน ห้องพักทุกห้องสะอาดสะอ้านมีที่นอนปูผ้าขาวเรียบ ทุกคนเข้าจับจองห้อง ส่วนคุณย่าสมัครใจที่จะพักห้องข้างล่างซึ่งสะดวกสบายไม่แพ้ห้องอื่น
“จะได้ไม่ต้องอุ้มขึ้นอุ้มลงพาปีนบันได” เธอว่า
“ผมจะนอนห้องข้างๆ คุณแม่” คุณฉัตรรับอาสา
“แหม มาสนุกกันก็สนุกไปเถอะ แม่มีนกมาด้วยฉัตรไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก”
“แหม กวนใจอะไรกันคะ คุณแม่ไม่น่าเกรงใจไปเลย” คุณประไพรีบพูด
คุณสมฉวีปลีกตัว อ้างว่าจะไปสั่งการเรื่องอาหารการกินแต่กลับพาอัสนีย์ไปด้วย ถ้าใครเห็นท่าทีที่คนทั้งสองพูดกันลับหลังคนอื่นก็คงจะต้องแปลกใจ เพราะว่าต่างก็มีสีหน้าท่าทีเคร่งเครียดจริงจังด้วยกันทั้งน้าหลาน……….