แม้น้องสาลี่จะถูกคุณประไพคอยฉุดคอยดึงให้อยู่ใกล้ๆ แต่เธอก็อดใจไว้ไม่ไหว หลังจากที่ออดอ้อนหลายทีว่า “สาลี่อยากเล่นน้ำทะเล” แล้ว ‘แม่บุญธรรม’ ก็ยังไม่ยอมอนุญาต เธอก็หันไปขอแรงสนับสนุนจากคุณย่าอัปสร
“คุณยายขา ให้น้องสาลี่ไปเล่นน้ำทะเลกับพี่ต้าได้ไหมคะ”
“เอ๊ะ สาลี่นี่…..” คุณประไพเสียงเข้ม
คุณย่ายิ้มอ่อนสงสารหลาน “เด็กๆ ก็ต้องชอบทะเลเป็นธรรมดา ปล่อยเขาเถอะน่าแม่ประไพ”
“แต่สาลี่แพ้น้ำทะเลนะคะ ไพเป็นห่วง…..”
“พี่ต้าเป็นนางฟ้า ไม่ปล่อยให้สาลี่แพ้อะไรหรอกค่ะ”
“แหม สาลี่เนี่ย พี่ต้าเป็นนางฟ้าที่ไหนกัน พี่ต้าแค่มีเพื่อนเป็นนางฟ้าต่างหาก” คำพูดเขินๆ ทำให้คุณประไพต้องหันมองหน้าคุณฉัตรอย่างวิตกกังวล
มรุตขยับตัว “ผมจะดูแลสาลี่เองครับแม่”
ศรุตายิ้มหน้าบานและปรายเปรมซึ่งมองอยู่ก็มีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นเป็นอัตราส่วนที่พอดีกัน รุ่งแสงเย้าว่า “เตรียม ทวูพีซซ์ มาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ นางฟ้าต้า”
“แหม เตรียมซิ โอกาสอย่างนี้หาไม่ง่ายนี่ เนอะ โศ เนอะ”
โศภิตทำสีหน้าเรี่ยราด “โศคงไม่ใส่ทวูพีซซ์ หรอกต้า”
เธอแกล้งทำสีหน้าจริงจัง “อ้าว ก็คราวก่อนโศเป็นตัวตั้งตัวตีให้ต้าใส่สายเดี่ยวเองนะ เธอใส่..ฉันใส่ จำได้หรือเปล่า”
โศภิต จำได้ว่าครั้งนั้นเธอลืมๆ เลือนๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองคล้ายๆ กับกำลังฝัน เลยสวมชุดสายเดี่ยวหน้าตาเฉย
“คราวนี้ถึงเธอจะใส่ ฉันก็ไม่ใส่ด้วยละ”
“เธอใส่..ฉันใส่…..” รุ่งแสงยิ้มอย่างท้าทาย “แต่ถึงเธอไม่ใส่ ฉันก็จะใส่ของฉันละ”
หลังจากนั้นร่างสวยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็น บิกินี่ สำหรับลงเล่นน้ำมีเสื้อตัวบางคลุมทับ ความจริงเป็นชุดสำหรับอวดโฉมอยู่ที่ริมชายหาดมากกว่าเพราะทีแรกเธอไม่ยอมลงน้ำแต่เดินไปเดินมาอยู่แถวๆ นั้น
ทวูพีซซ์ ของศรุตาคือกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวเล็ก เมื่อก่อนคุณเปี่ยมไม่ยอมให้เธอแต่งตัวแบบสาวๆ เสื้อผ้ามีแต่ใหญ่โคร่งไม่พอดีตัว แต่พอมารู้จักมรุตแล้วยังพบเห็นจรัสไข ขวัญใจของมรุต ศรุตาก็ปรับปรุงตัวเองหาเสื้อผ้าเข้าสมัยสมวัยมาใส่บ้าง รูปลักษณ์ใหม่ที่สวยผิดตาทำให้หนุ่มๆ มองกันเป็นแถว ขณะเดียวกันก็ทำให้สีหน้าท่าทีของ “คู่หู” บูดบึ้งไม่สบอารมณ์เมื่อใครๆ ชื่นชมเธอ
“จะใส่ชุดนี้เหรอ” เขามองขาตึงๆ สีสะอาดและช่วงอกช่วงเอวของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ศรุตาไม่เคยจะนึกเขินอายปรายเปรม ลอยหน้าเถียงว่า
“เอ๊า ใครๆ เค้าก็ใส่กัน คนจะลงเล่นน้ำทะเลจะให้ใส่แขนยาวขายาวหรือยังไง”
“เอาเรื่องเล่นน้ำมาเป็นข้ออ้างน่ะซิ รู้นะว่าคิดอะไร”
“รู้ก็ดีแล้ว งั้นไปไกลๆ เลยไป๊” เธอไล่เอาดื้อๆ
เขายังไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ “ถ้าปรายไปไกลๆ แล้วใครจะดูแลอัปสรา ประเดี๋ยวผีทะเลก็ตามราวีเอาหรอก”
“โฮ้ย พี่มรุตเค้าก็มีดีย่ะ มีพี่มรุต อัปสราก็ปลอดภัย ท่านชอบพี่มรุตมากกว่าชอบคุณปรายซะอีก”
คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าคล้ำๆ ยิ่งเป็นสีเข้มขึ้น “จริงหรือ”
จู่ๆองค์อรดีก็ปรากฏขึ้นข้างๆ หญิงสาว
“ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย”
ศรุตาเคยชินแล้วกับการที่นางเทพ มาๆ หายๆ แกล้งทำเฉยเสีย
“ดีละ แล้วอย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกัน”
ร่างสูงๆ หันเดินหนีไปอย่างขุ่นเคือง องค์อรดีพูดว่า “ดูซิ เขาโกรธแล้วเห็นไหม”
“โถ ท่านก็ คุณปรายเค้างอนกับต้าทั้งปีแหละค่ะ โกรธกันประเดี๋ยวเดียวก็ลืมกลับมาตอแยใหม่ไม่รู้ว่าวันละกี่หน ตอนนี้ต้าอยากให้เค้าโกรธจริงๆ จะได้เลิกตามกอขอคอซักที”
“แต่ฉันต้องอาศัยเขาพากลับไปวัดนะ”
“ถ้าท่านว่าพี่มรุตก็มีดี พี่มรุตก็พากลับไปได้เหมือนกันซิคะ”
“ไปได้ แต่ว่าเขาจะไปหรือ”
นั่นซิ มรุตไม่ใช่เพื่อนซี้ ที่เธอจะเรียกให้ทำอะไรได้ดังใจ ทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ต้องขับรถตั้งหลายชั่วโมง รวมเวลาไปกลับก็เป็นวัน เขาคงไม่มีเวลาให้เธอมากอย่างนั้น
เธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเอาใจมรุต……..
เสียงหัวเราะของหนุ่มๆ สาวๆ และเด็กชายหญิงที่ดังแว่วทำให้คุณย่าอัปสรมีสีหน้าแจ่มใส ท่านนั่งสบายอยู่บนเก้าอี้ที่ระเบียงหน้าบ้าน รับลมเย็นพลางก็มองร่างของหลานๆ ต่างวัยที่วิ่งเล่นกันอยู่ที่ชายหาด มีคุณฉัตรและคุณประไพคอยดูแลเอาใจใกล้ชิดนอกเหนือจากคุณนกนางพยาบาลที่เฝ้าอยู่ไม่ห่าง
“ถ้าไม่มีเด็กๆ พวกนี้ ตอนนี้ฉันจะเงียบเหงาสักแค่ไหนนะ น่าเสียดายที่ตอนนั้นฉันได้แต่งกจะหาเงินเลยไม่สนใจจะมีลูก ไม่อย่างนั้นสาลี่คงมีลูกพี่ลูกน้องจริงๆ อีกหลายคน…..” ท่านรำพึงออกมา ครั้นเห็นสีหน้าของคุณฉัตร ท่านก็พูดว่า “เอ้อ….. ไม่ใช่ว่าแม่จะถือลูกเลี้ยงลูกตัวหรอกนะฉัตร แม่รักลูกหลานทุกคนเท่าเทียมกัน ทรัพย์สมบัติทั้งหลายก็ทั้งพ่อปลื้มพ่อชิตช่วยกันหา ตอนนี้แม่ก็คิดจะแบ่งให้เท่าๆ กันอยู่แล้ว”
“แหม คุณแม่อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยครับ คุณแม่ทำดีที่สุดแล้วตอนนี้น่าจะทำใจให้สบายมากกว่า”
“แต่ว่าที่ดินตรงนี้มันกี่ไร่กันคะ คุณแม่” คุณประไพอดไม่ได้
“ประมาณสิบไร่ แต่ด้านที่ติดทะเลมันแคบไปหน่อย ที่มันยาวเข้าไปข้างหลัง”
“แล้วสวนผลไม้ล่ะคะ”
“ก็มีหลายแห่งรวมแล้วหลายสิบไร่อยู่ ไม่ใช่อะไรหรอกตอนนั้นใครไม่มีเงินก็มาหา เอาที่ดินมาขายให้ถูกๆ เพราะที่ทางมันราคาถูก แม่เองซื้อทิ้งๆ ไว้แล้วมัวแต่ทำงานไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตอนนี้มันกลายมาเป็นขุมทรัพย์เพราะราคาที่ดินพุ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยๆ เท่า”
คุณฉัตรรีบทำสายตาห้ามคุณประไพก่อนที่เธอจะซักไซ้ต่อไป “ประไพจะดูเขาจัดอาหารให้คุณแม่หรือเปล่า เอ๊ะ คุณสมฉวีไปไหนนานจริง”
“เขาคงไปจัดการเรื่องอาหารการกินอยู่แล้วละ แล้วคงแวะไปหาคนดูแลสวนด้วย” คุณย่าคาดเดา……
เรือเร็วลำเล็กสองลำลากทุ่นลมทรงยาวคล้ายกล้วยไล่กันไปตามผิวน้ำ ร่างต่างๆ ขนาดของชายหญิงนั่งเรียงกันเป็นแถว ศรุตาและสาลี่ถูกประกบหน้าหลังด้วยนายตุ้ยและมรุตอยู่บนทุ่นลำหนึ่งขณะที่ปรายเปรมบนทุ่นทรงกล้วยอีกลำหนึ่งต้องดูแลทั้งโศภิตและรุ่งแสง
ตอนตีโค้ง ลำทุ่นเอียงเล็กน้อย แล้วถ้าไม่ใช่นายตุ้ยก็ต้องเป็นโศภิต ที่ผลัดกันเป็นตัวการทำให้ผู้โดยสารอื่นถูกเทลงน้ำโดยพร้อมเพรียงส่งเสียงกรีดกราดและเสียงหัวเราะดังแว่วไม่หยุดหย่อน กว่าทุกคนจะตะกายกลับขึ้นไปนั่งได้ใหม่ก็ใช้เวลาเนิ่นนาน
มรุตพัวพันช่วยเหลือศรุตาหลังจากที่ช่วยสาลี่ขึ้นไปก่อน ดูเหมือนเขาจะใช้เวลากับเธอนานเป็นพิเศษ จนคนร่างใหญ่ใบหน้าถูกแดดลมจนแดงจัดที่ผ่านมาต้องทำหน้าบึ้งเหลียวมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เห็นเธอหัวเราะเบิกบาน ช่างสดชื่นเสียจริง…!
รุ่งแสงที่เกาะอยู่ข้างหลังชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าหาจนชิด ตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องเรือ “วันนี้ยัยต้าคงเล่นไม่เลิกแน่ๆ เลย”
“แต่ว่าโศอยากเลิกแล้ว” โศภิตไม่เป็นใจด้วย
ศรุตาอดเสียดายไม่ได้ที่เรืออีกลำหนึ่งชวนเลิกก่อน มรุตเองก็เป็นห่วงว่าสาลี่จะไม่สบาย แม้เด็กหญิงไม่อยากจะเลิก “สาลี่โดนแดดโดนลมและกินน้ำทะเลมากเกินไปแล้ว ประเดี๋ยวถ้าไม่สบายจะอดมาเที่ยวอีกนะ” เพราะคำขู่ของเขา เด็กหญิงจึงยินยอมโดยดี
สีหน้าของปรายเปรมที่เดินนำกลุ่มขึ้นมาก่อนทำให้คุณย่าต้องถามว่า “ไม่สนุกหรือปราย หน้ามุ่ยมาเชียว”
ชายหนุ่มฝืนทำสีหน้าให้ดีขึ้น “สนุกครับคุณย่า”
“นักกีฬาทำไมยอมแพ้ก่อนใคร”
“ปรายจะมาอยู่กับคุณย่า”
“ขอให้อยู่กับย่าจริงเถอะ ประเดี๋ยวพอหายงอนก็หายตัวหาไม่เจออีก” คุณย่าดักคอ มองเลยไปยังร่างของมรุตและศรุตาที่ถูกแวดล้อมด้วยโศภิตและเด็กๆ เดินหัวเราะคุยกันตามมาแล้วก็นึกเดาได้
ทำไมท่านจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มรู้สึกยังไงกับเพื่อนหญิงที่เป็นเหมือนญาติซึ่งวิ่งตามกันมาตั้งแต่ยังเพิ่งจะอายุสิบปีคู่นี้
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณย่า ปรายไม่มาหรอกครับ” เขาชำเลืองมองขึงๆ ให้คนที่เดินตามมา ใบหน้าเธอแจ่มใสไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย
“สนุกไหม สาลี่” คุณย่าถามหลานรักคนใหม่ เอื้อแขนขึ้นจะให้หา เด็กหญิงไม่รีรอวิ่งเข้ามาตรงหน้ายิ้มกว้างตอบเสียงใส
“สนุกค่ะ คุณยาย สาลี่อยากอยู่ที่นี่นานๆ ไม่อยากกลับเลย”
ผู้สูงวัยลูบใบหน้าเล็กๆ อย่างรักใคร่ “ยังมีที่เที่ยวอีกแยะ ลูก สำหรับที่นี่จะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ ถ้าพี่มรุตไม่ว่างก็ให้พี่ปรายพี่ต้าพามา”
“สาลี่กินน้ำทะเลจนพุงกางเลย”
“ดีแล้วละ จะได้แข็งแรง”
“ใครก็ไม่รู้แกล้งตกน้ำอยู่นั่นแหละ สาลี่เลยพลอยต้องกินน้ำทะเลไปด้วย” รุ่งแสงแหย่
ศรุตายิ้มอย่างไม่ถือสา “ ก็นานๆ จะมีโอกาสซักทีนี่นา” เธอว่า หันไปยิ้มกว้างให้มรุต
ค่ำวันนั้น หนุ่มๆ สาวๆ ชวนกันตั้งเตาปิ้งย่างที่ชายหาด ขนเครื่องเสียงไปเปิดร้องรำทำเพลงกัน โศภิตมักจะเป็นต้นเสียง มีเสียงใสๆ ของศรุตาและสาลี่กับเสียงห้าวๆ ของนายตุ้ยร้องตาม แม้รุ่งแสงจะร้องเพลงได้ไพเราะเช่นกันแต่ก็มักจะคอยยั่วเย้าระคนเอาใจหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งหน้าตึงดื่มเบียร์เงียบๆ แทบจะไม่ยอมหัวเราะกับใคร
“หัวคิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้วนะคุณปราย ประเดี๋ยวก็กลายเป็นคิ้วเดียวหรอก” เธอว่า
ปรายเปรมหน้าเครียด “รู้อย่างนี้อยู่คุมงานดีกว่า มาแล้วไม่เห็นสนุก”
“พรุ่งนี้อาจหนุกก็ได้ ขับรถไปดูอะไรๆ กันบ้างดีไหม ไปกันแต่เช้าเลย”
เขาหน้ามุ่ยมองหน้าใสๆ หัวเราะรื่นของแม่สาวที่นั่งอยู่ไกลออกไปขณะที่ตอบรับคนข้างๆ อย่างขอไปที “ตามใจ”
“หมึกย่างจ้าหมึกย่าง…..” แม่ตัวดีร่อนจานอาหารมาส่งให้ พอเขาเอื้อมมือไปรับ ร่างบางๆ ก็หันกลับเหมือนเสร็จธุระ
“เดี๋ยวซิ” มือใหญ่เผลอคว้าข้อมือเล็กๆ ไว้
เธอหันมา “ว่าไร…..”
ชายหนุ่มรู้สึกถึงสายตาของรุ่งแสงที่เหมือนจะรู้ทันความรู้สึกของเขาจึงต้องปล่อยมือ “เปล่า”
“จะเอาอะไรก็สั่งมา วันนี้จะบริการให้ฟรีๆ”
“วันนี้ต้าใจดีเป็นพิเศษ” รุ่งแสงว่า
“โฮ้ย ต้าใจดีมานานแล้วละ” เธอหน้าเป็นตอบโต้ ครั้นอีกฝ่ายยังไม่พูดอะไรนอกจากทำหน้าขรึม เธอก็พูดว่า “จะเอาอะไรตะโกนสั่งก็แล้วกันนะ คุณปราย” แล้วก็หันเดินจากไป
รุ่งแสงหัวเราะตามหลัง “ยัยต้าไม่ยอมเสียเวลาเลย เอาแต่จะอยู่ข้างๆ พี่มรุต”
อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหัวเราะด้วย……..
ศรุตาผละกลับบ้านมาเข้าห้องน้ำ สองทุ่มเศษๆ ห้องนอนคุณย่าปิดไฟมืดแสดงว่านอนหลับแล้ว ส่วนห้องข้างๆ ก็มีเสียงคุยพึมๆ พำๆ จับใจความไม่ได้ของคุณฉัตรและคุณประไพผ่านประตู
เธอเห็นร่างของอัสนีย์ทำอะไร เงียบๆ อยู่ที่ท้ายรถ ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมไม่ไปรวมกลุ่มด้วย น่าแปลกที่ตั้งแต่มาถึง อัสนีย์ดูเคร่งเครียดเงียบขรึมกว่าเคย เขาพาคุณสมฉวีออกไปข้างนอกบอกว่าจะไปหาคนที่รับจ้างทำงานดูแลบ้านและสวน แล้วเมื่อตอนหัวค่ำก็หายออกไปอีก
แต่ก็ดีเหมือนกัน มีอัสนีย์อยู่ด้วย เธอไม่เคยรู้สึกสนุก เขาชอบรุ่มร่ามถึงเนื้อถึงตัวให้อึดอัดใจ เธอย่องไปอีกทางหนึ่งเพราะกลัวว่าเขาจะหันมาเห็นแล้วตามมาตอแย ตอนนี้ก็ไม่มีคุณเปี่ยมคอยขัดจังหวะเสียด้วย
เธอกลับพบร่างใหญ่ของนายตัวสูงหน้ามุ่ยไม่หายที่กลางทางเมื่อเดินจะกลับไปเข้ากลุ่ม ร่างสูงๆ ที่ยืนอยู่ข้างทางทำให้หญิงสาวต้องส่งเสียงขึ้นอย่างล้อเลียน “กำลังล่าสัตว์อยู่รึเปล่า คุณปราย สุภาพสตรีกำลังมาน๊า ผ่านได้มั้ย”
สีหน้าเข้มเพราะฤทธิ์เบียร์และอารมณ์ไม่ราบรื่น ที่เลื่อนออกมาในแสงสลัวทำให้เธอยิ้มเก้อ “เอ๊า ยังบูดไม่เลิกนะ คุณปรายนี่”
“ต้าก็ระริกระรี้ไม่เลิกเหมือนกัน…!”
“จะให้ต้าบูดแข่งกับคุณปรายเหรอ ไม่เอาละ เอาไว้อยู่กันสองคนไม่มีใครแล้วค่อยแข่งกันบูดก็แล้วกัน”
“ถ้ามีพี่มรุต เรายังจะมีเวลาอยู่กันสองคนอีกหรือ”
“อะไรอีกล่ะเนี่ย” เธอร้องอย่างเบื่อหน่าย
พอจะเดินผ่าน มือหนักๆ ก็คว้าแขนไว้ “พี่มรุตเขามีแฟนอยู่แล้วนะ”
“ใครบอก”
“เขาไม่สนใจต้าจริงหรอก” เสียงเขายิ่งห้วนกว่าเดิม
“เอ๊ะ ปล่อยนะ หมู่นี้เมาอาละวาดอยู่เรื่อย น่าเบื่อจริงๆ” เธอเอ็ดเข้าให้
แรงสะบัดทำให้อีกฝ่ายตอบโต้ด้วยการดึงร่างเล็กๆ เข้ามาปะทะอก แล้วใบหน้าที่กรุ่นกลิ่นเบียร์ก็เฉียดลงมาใกล้ ศรุตาหลบทันผลักไสออกไปก่อน วูบแรกที่รู้สึกคือโกรธ เธอแหวดเสียงใส่ “ตาบ้า ปราย…!” แล้วก็สลัดเดินหนีไปอย่างขุ่นเคือง
โศภิตถามว่า “ไปห้องน้ำแล้วทำไมบูดกลับมา จี่ไม่ออกเหรอ”
เธอเกือบจะพลั้งปากเล่าแต่แล้วก็หยุดไว้ทัน …..ตาบ๊องเมาแล้วก็ไม่ได้ดังใจแค่นั้นเอง พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้น…….