อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 29

อีกครั้งหนึ่งที่คุณย่าและคุณนงนิตย์ ต้องหน้าซีดหน้าเซียวด้วยความวิตกกังวลห่วงใย    “โธ่เอ๋ย เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้    พอลูกพ้นภัย สามีก็โดนแบบเดียวกันอีก”

คุณฉัตรซักถามคุณสมฉวีอย่างเคร่งเครียด    “เรื่องมันเป็นยังไงกันครับ คุณฉวี”

คุณสมฉวีทำหน้าตาตื่นเล่าซ้ำ    “หวีพยายามติดต่อเบอร์มือถือคุณเปี่ยมแต่ไม่สำเร็จ พอโทรไปหาคนที่คุณเปี่ยมติดต่อด้วย เขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าคุณเปี่ยมอยู่ที่ไหน    เขาช่วยตามหาแล้วก็ปรากฏว่ามีคนพบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ข้างถนนค่ะ”

“แล้วมีใครแจ้งตำรวจหรือเปล่า”

“เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับเรื่อง”

“เพราะอะไรหรือ”

“หวีก็ไม่ทราบ…..”

คุณฉัตรซักถามมากมาย    คำตอบวนไปเวียนมาเอาเรื่องเอาราวไม่ได้ เขาพูดโทรศัพท์หลายครั้งทั้งกับคนทางโน้นและคนรู้จักทางนี้ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ความกระจ่างเรื่องคุณเปี่ยม

คุณย่าและคุณนงนิตย์ต่างก็มีอาการวิตกห่วงใยจนหมดเรี่ยวแรง    ส่วนคุณฉัตรกลับแอบกระซิบกับลูกเมียด้วยความระแวงแคลงใจ

“มันเล่นลูกไม้อะไรหรือเปล่า    มันประวิงเวลาจะให้คุณย่าไปก่อนหรือยังไง ถ้ามันหายตัวไปซักเดือนแล้วคุณย่าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มันคงโมเมเรื่องโอนทรัพย์สินกับมรดกคุณย่าแน่ๆ”

“ไพก็สงสัยว่าคงจะมีอะไรเบื้องหลังแน่ๆ    ไพรู้สึกแปลกๆ ชอบกลตั้งแต่ตอนที่นัยเปี่ยมจะเดินทางแล้ว”

“ฉันจะไปดู…!    จะจ้างเจ้าหน้าที่ให้ตามหาตัวมันให้เจอ”    คุณฉัตรเคยใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามากกว่าสิบปีจึงไม่กลัวอะไรเช่นกัน    “มีเงินซะอย่าง    ไม่มีอะไรยากเกินไปหรอก”

มรุต อดเป็นห่วงไม่ได้    “คุณพ่อจะไปคนเดียวหรือครับ    จะให้ผมไปด้วยไหม”

“มรุตอยู่ดูแลทางนี้ดีกว่า    พ่อไม่ไปคนเดียวหรอก    จะจ้างคนที่เขามีเส้นสายทางโน้นให้นำทางไป    แล้วพ่อจะคอยติดต่อกลับมา”

แต่เมื่อคุณฉัตรบอกกล่าวกับคุณย่า    เขาก็แสดงความตั้งใจดีและความห่วงใยคุณเปี่ยมออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ

“ผมเป็นห่วงว่าถ้าไม่มีใครไปคอยจี้คอยตามเรื่อง    เจ้าหน้าที่ทางโน้นอาจจะละเลย    ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะตามหาตัวเปี่ยมให้พบครับคุณแม่”

คุณย่าเสียงสั่นน้ำตาซึม    “ดีแล้วละฉัตร    เปี่ยมมันไม่มีใคร น้องชายไปบวชไม่ยอมสึก    ส่วนลูกชายก็ยังเล็ก    เปี่ยมหายไปคราวนี้ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็โล่งใจไป    แต่ถ้ามีอะไรจริงก็จะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน”

“คุณแม่ทำใจให้สบาย    รักษาสุขภาพให้แข็งแรงไว้นะครับ    หากได้เรื่องอะไรแล้วผมจะรีบโทรศัพท์กลับมา”

“ฉัตรก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ    ไปต่างถิ่นต่างแดนไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง ระยะนี้ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องร้ายๆ ก็ไม่รู้”    คุณย่าน้ำตาคลอสั่งเสีย

“คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ    ที่นั่นมีคนไทยอยู่กันแยะแล้วผมก็มีคนท้องถิ่นนำทางให้”

คุณฉัตรนัดคนนำทางแล้วเก็บเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว    หลังจากนั้นก็เดินทางโดยไม่ยอมให้เสียเวลา    เขากระซิบบอกคุณประไพว่า

“ผมต้องรีบไป   ไม่อย่างนั้นทางนั้นจะไหวตัว”

คุณประไพติงว่า    “แต่ถ้ามันเป็นแผน    ถึงยังไงยัยหวีก็คงต้องรีบส่งข่าวให้ทางนั้นรู้”

“คุณจับตาดูสมฉวีกับแม่หลานชายหลานสาวไว้ให้ดีก็แล้วกัน    เจ้าอัสนีย์มันท่าทางแปลกๆ พิกล”    คุณฉัตรว่า


พอศรุตารู้    ว่าคุณฉัตรเดินทางไปตามหาคุณเปี่ยม ก็ได้แต่รู้สึกชื่นชมน้ำใจ    เพราะถึงจะกริ่งกลัวคุณเปี่ยมอย่างไร เธอก็อดคิดถึงเขาไม่ได้    นับตั้งแต่เธอมาเป็นลูกเลี้ยงเขาจนบัดนี้ก็สิบปีแล้ว    เขารักและดีต่อเธอตลอดมา ยิ่งเธอโตเป็นสาวเขาก็ยิ่งรักยิ่งหวง    ถ้าเธอไม่บังเอิญได้ยินเรื่องที่เขาพูดกับคุณสมฉวีถึงคุณย่า เธอคงยังเป็นลูกรักอยู่นั่นเอง

“ขอให้คุณฉัตรพบคุณเปี่ยมปลอดภัยอยู่ทีเถอะ    เจ้าประคุณ”

คุณนงนิตย์ยกมือกราบไหว้ฟ้าดิน    ถึงสามีจะทำให้เจ็บปวดบาดหมางใจ ในเวลานี้เขาก็เป็นชายคนเดียวในชีวิตและเป็นที่พึ่งของเธอ

พอองค์อัปสราปรากฏ    ศรุตาก็รีบถามว่า

“ท่านรู้ไหมคะว่าลุงเปี่ยมหายไปไหน    เป็นอะไรหรือเปล่า”

อีกฝ่ายหันหน้าหนี    “คิดแล้วเชียวว่าถ้าเจอกันศรุตาก็ต้องถาม รู้อย่างนี้ฉันไม่มาก็ดีหรอก”

“อ้าว    ทำไมถามไม่ได้ล่ะคะ”    สีหน้าเธอแตกตื่น   “แปลว่าลุงเปี่ยมมีอันตรายใช่ไหมคะ”

“ฮื้อ    ทำไมตีความอย่างนั้น” ทรงทำเสียงเบื่อหน่ายได้เหมือนมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน

“ก็ถ้าไม่เป็นอะไร ทำไมท่านบอกไม่ได้ล่ะคะ”

“เขาไม่เป็นอะไรหรอก   แต่เรื่องของมนุษย์จะก่อกรรมทำเข็นกันฉันพูดไม่ได้”

“เอ๊ะ    ใครจะก่อกรรมทำเข็นใครหรือคะ”

“ก็มนุษย์น่ะซิ ก่อกรรมทำเข็นกันอยู่ทุกวัน ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน”

“แต่ลุงฉัตรไปคราวนี้คงพบลุงเปี่ยมใช่ไหมคะ”    นางมนุษย์เซ้าซี้

“ก็พบ……”

“เฮ้อ    งั้นก็โล่งใจไป”    เธอถอนใจยิ้มร่า    “ถ้าอย่างนั้นต้าจะไปบอกให้คุณย่ากับแม่คลายใจ    จะได้ไม่ต้องวิตกกังวลไปเปล่าๆ”

สีหน้าท่าทีโล่งอกโล่งใจของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายเผลอพูดออกมา    “แต่บอกไว้ก่อนนะว่ามันไม่ราบรื่นอย่างที่ศรุตาคิดหรอก”

ศรุตาชะงัก    “ทำไมหรือคะ”

องค์อรดีทำสีหน้าอึดอัด   “ฉันไม่น่าพูดเลย”

“โห…    ท่านก็    จริงใจหน่อยซิคะ”

“มันผิดจรรยาเทพ    ฉันพูดไม่ได้”

“กระซิบนิดเดียวก็ไม่ได้หรือคะ”    นางมนุษย์ต่อรอง    “น่า..    นะคะ    อีกไม่นานคุณปรายก็จะมารับ ท่านจะได้กลับบ้านแล้วก็ไม่ต้องบอกอะไรต้าอีกแล้วละค่ะ”

อีกฝ่ายอดใจอ่อนไม่ได้    “ก็ได้    แต่ศรุตาต้องสัญญาก่อนว่าถ้ารู้แล้วจะไม่พูดออกไป”

“ตกลงค่ะ    ต้าสัญญา”

“เท่าที่ฉันรู้    คุณฉัตรจะมีเคราะห์…..ฉันบอกได้แค่นั้น”

“มีเคราะห์…..แต่…..ทุกคนจะปลอดภัยกลับมาหรือเปล่าคะ”

“อันนี้ไม่มีใครรู้ได้”

“แล้วจะแก้ไขยังไงดีคะ    ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ไหม”

“ถ้าทำบุญมากๆ ผลบุญก็ช่วยได้เหมือนกัน    แต่ถ้าเขาถึงคราวจริงๆ หรือว่าทำกรรมมามาก    ผลบุญก็อาจส่งพลังไม่ถึง”    เธอให้คำตอบ

“แต่ถึงอย่างไร    ต้าว่าควรจะต้องลองดู”

หญิงสาวจึงพามรุตไปทำบุญเสียใหญ่    ชายหนุ่มมองเธอแปลกๆ แต่ก็ไม่คัดค้าน    “ต้าเชื่อจริงๆ หรือว่าคุณพ่อพี่กำลังมีเคราะห์ และการทำบุญจะช่วยได้”

“ต้าเชื่อค่ะ    นางฟ้าบอกต้า”

ใบหน้าใสๆ เสียงพูดแจ๋วๆ ที่มักจะไร้สาระ ทำให้เธอยังเป็นหญิงสาวที่ไร้พิษภัยคนเดิม    แต่ว่า   ตั้งแต่เขาเห็นเธอคว้างูพิษตัวเขื่องที่กำลังพุ่งตัวอย่างรวดเร็วจะฉกคุณย่าแล้วข้อมือเล็กๆ ลำแขนอ่อนๆ ยังทานกำลังบิดตัวต่อสู้ของมันอยู่ได้ตั้งนาน    แล้วหลังจากนั้น เธอยังพาตัวรอดกลับมาจากพวกอำมหิตลักพาตัวผู้หญิงไปขายชายแดน    เขาก็ไม่มีอะไรจะถกเถียงด้วย…….


ปรายเปรมโทรศัพท์หาเธอ    พอรู้ว่าหญิงสาวอยู่กับมรุต ก็อดโกรธไม่ได้

“แล้วพรุ่งนี้ยังจะไปวัดกันหรือเปล่า”    เสียงถามแบบมะนาวไม่มีน้ำยังไงยังงั้น

“ไปซิ    ไม่ไปได้ยังไง”

เขาแสดงความขุ่นเคืองออกมาอย่างเต็มที่    “พรุ่งนี้จะไปกับผมแต่ว่าวันนี้ต้าอยู่กับพี่มรุต..!    ต้าจะเอายังไงกันแน่   รู้ไหมว่าผมมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามามัวเล่นกับต้าหรอกนะ”

“วันนี้ต้าอยู่กับพี่มรุตแล้วเกี่ยวอะไร    พรุ่งนี้ต้าต้องพาอัปสราไปส่ง    คุณปรายไม่เข้าใจหรือยังไง”    เธอเสียงเขียวตอบสนอง

“งั้นก็ให้พี่มรุตพาไปก็แล้วกัน”    น้ำเสียงขุ่นเคืองตอบโต้ แล้วเขาก็ตัดการติดต่อ

ศรุตารีบโทรกลับ    พอฝ่ายนั้นรับสายเธอก็พร่างพรูต่อว่า

“ตาคุณปรายบ้า    เรานัดกันแล้วนะ…!”

น้ำเสียงเขาขุ่นเคืองระคนเหนื่อยหน่าย    “ผมมีงานต้องทำ    ไว้ต้ามีปัญหาจริงๆ ค่อยโทรมาก็แล้วกัน”    เขาตัดสายอีกแล้วไม่ยอมคุยกับเธออีกเลย

“โอย    แล้วจะทำยังไงดี……”    เธอเป็นทุกข์เป็นร้อน

มรุตถามว่า    “มีอะไรกันหรือ”

“ก็คุณปรายสัญญาว่าจะพานางฟ้าไปส่งแล้วก็เกิดงอนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้    แล้วนี่ต้าจะทำยังไงดี”

สีหน้าชายหนุ่มงุนงง    “พาไปส่งที่ไหน    ทำไมต้องพาไปด้วย”

คำตอบของเธอทำให้สีหน้าของเขายิ่งแปลกพิกลไปกว่าเดิม    เขามองเธออย่างแปลกใจเป็นที่สุด    แต่ถึงอย่างไรก็พูดออกมาว่า

“เอาเถอะ    แล้วพี่จะพาไปเองก็แล้วกัน”

“ไชโย๊    ขอบคุณพี่มรุตมากค่ะ”


แล้วรุ่งแสงก็มาเล่าถึงคืนสุดท้ายที่อยู่กับปรายเปรมในบ้านพักชายทะเล    ศรุตาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกวูบๆ สะบัดร้อนสะบัดหนาวจับจ้องมองหน้าคนเล่าไม่วางตา

“แปลว่านอนเตียงเดียวกันด้วยหรือ”

“งั้นซิ”    คนตอบซ่อนสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

“แล้ว…..    แล้วทำอะไรกันบ้าง”

“อยากรู้ก็ไปถามคุณปรายดูเองซิ”

“เรื่องอะไรจะต้องถาม   ไม่ใช่ธุระของต้าซักหน่อย”    ปากพูดอย่างนั้น    แต่พอลับหลังญาติสาวเธอก็ฉวยโทรศัพท์ ต่อหมายเลขของชายหนุ่ม    …ตาปรายนะตาปราย    มิน่าซิ    หมู่นี้ถึงเล่นตัวกับเราจังเลย…..

เขายังไม่ยอมรับสายเธอ…!

หากเมื่อปรายเปรมหายโกรธโทรศัพท์กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างที่เขามักจะทำเสมอ    เธอก็ตอบสนองได้อย่างน่าเกลียดน่าชังเหมือนเดิม

“ต้า    ตกลงเรื่องพรุ่งนี้ปรายเคลียงานได้แล้ว…….”

“แหม   ไม่ต้องลำบากแล้วละ    ต้าไม่อยากรบกวนคนงานยุ่ง”

“อ้าว    อัปสราเปลี่ยนใจอีกแล้วหรือ”    ชายหนุ่มทำน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ตอบสนอง มันยิ่งกระพือความขุ่นเคืองของเธอ

“พี่มรุตบอกว่าจะพาต้าไปเอง”

“อ้อ…..”    ชื่อ    พี่มรุต    ทำให้เขามีอารมณ์ร่วม    เสียงตอบโต้เข้มขึ้นอย่างไม่อดออม    “เป็นอันว่าไม่ต้องการใช้ปรายแล้วใช่ไหม   แน่ใจแล้วนะ”



จบบทที่ 29