อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 19

พอ ดร. มรุต ให้ความสนิทสนมทั้งยังแสดงนัยบอกความสนใจชัดเจน    ศรุตาก็เริ่มรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ทุกวันนั้นล้าสมัยสิ้นดี   เธอหยิบชุดทำงานที่คุณเปี่ยมสั่งให้พนักงานอาวุโสจัดหาให้เมื่อเธอเริ่มเข้ามาทำงานออกมาดูแล้วก็หน้ามุ่ยเก็บกลับเข้าไปตามเดิม

“ดูซิ    มีแต่ชุดเชยๆ ทั้งนั้นแล้ววันนี้จะใส่ชุดไหนไปทำงานดี”

“อ้าว    เห็นใส่มาตั้งนานเพิ่งจะมาว่าเชยเอาตอนนี้แหละ”

“อืม    ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนต้าทนใส่อยู่ได้ยังไง    ชุดคุณป้าทั้งนั้น”

“สงสัยว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนยังไม่มีความรักมั้งเลยไม่สนใจจะแต่งตัว”

“มิน่าซิถึงไม่มีใครมาจีบเลย”    เธอรำพึงคล้ายบ่น

โศภิตรู้ว่าเมื่อก่อนนี้ศรุตาไม่เคยเดือดร้อนว่าจะมีคนมามองมาจีบเธอหรือไม่ เหมือนเธอไม่มีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้าม    จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังมือเป็นหน้ามือ เพราะ ดร. มรุต สุดหล่อคนนี้แหละ

“มี ดร.มรุต มาจีบเป็นคนแรก   เอ… สงสัยว่าจะเป็นเนื้อคู่ละกระมัง”    เพื่อนสาวยั่ว

เธอค้อนขวับ   “เหอะน่า    ต้าจะไม่อธิษฐานอีกแล้ว”

“ทำไมไม่อธิษฐานไปตรงๆ เลยว่าขอให้ ดร. มรุต เป็นเนื้อคู่”

“อธิษฐานแบบนั้นไม่ได้    เพราะเกิดเขามีบุญคู่อยู่กับคนอื่นเราจะกลายเป็นเมียน้อยไป” คำอธิบายเป็นจริงเป็นจังทำให้อีกฝ่ายหัวเราะลั่นห้อง

“ถ้ารักกันจริง เป็นเมียหลวงหรือเมียน้อยก็จะแปลกอะไร”

“จะบ้าเหรอ”    เธอค้อนขวับๆ

โศภิตช่วยตัดชายกระโปรงที่เคยยาวคลุมเข่าเย็บสอยให้    พอความสูงร่นขึ้น    ตัวเสื้อหลวมก็ไม่ได้ทำให้เธอดูคล้ายผู้สูงวัยอีกต่อไป    คุณเปี่ยมชะงักมองแต่ไม่ได้พูดว่ากระไร    สีหน้าเครียดแต่ก็วนเวียนมามองอีกหลายครั้ง    ศรุตานึกว่าจะโดนเอ็ดเสียแล้ว

“เย็นนี้ถ้าพี่มรุตไม่ชวนไปไหนเราไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ กันดีกว่า”    เธอบอกโศภิต

“อ้าว    เมื่อวานคุณปรายบอกว่าเย็นนี้จะทานข้าวด้วย”

“ว้า    แล้วโศไปบอกตกลงกับเค้าทำไม    ถ้าเกิดพี่มรุตชวน ประเดี๋ยวก็เสียเรื่องอีกหรอก”

“ถ้าเกิดพี่มรุตชวน ก็บอกไปซิว่านัดกับคุณปรายไว้แล้ว”

“โห… ได้ไงล่ะ”

โศภิตชักเหลืออด    “งั้นทีหลังคงต้องบอกคุณปรายแล้วมั้งว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมารับไปทานข้าวแล้ว”

“ม่ายช่ายอย่างง้าน…..”

โศภิตเหมือนจะงอนเหมือนกัน    ก็เธอชอบปรายเปรม แต่ศรุตาปิดกั้นหนทางหน้าตาเฉยจึงเอาแต่ทำงานไม่ยอมพูดยอมคุยด้วย คุณเปี่ยมกำลังจะเดินทางจึงมีเรื่องมอบหมายฝากฝังกับมรุตจนหายเงียบไปด้วยกันทั้งคู่    ศรุตาโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้าพ่อเลี้ยงที่เธอเคยรักและไว้ใจเป็นที่สุด    แต่ก็อดรอคอย ดร. มรุต ไม่ได้    นานๆ ร่างสูงในเสื้อผ้าเรียบหรูประณีตจะเปิดประตูเดินผ่านมายิ้มให้    เธอรอการพูดคุยนัดแนะเชิญชวนแต่ก็ไม่สมใจนึกสักที    จิตใจกระวนกระวายจรดจ่อขณะที่ทำงานง่ายๆ น่าเบื่อหน่ายที่คล้ายถูกส่งมอบมาเพียงเพื่อให้เธอได้ทำอะไรบ้างเท่านั้น

บางครั้งเธอสะลึมสะลือง่วงเหงาหาวนอน    รู้สึกแปลกๆ

จู่ๆ โศภิตก็ต่อโทรศัพท์ถึงปรายเปรม    พอศรุตาได้ยินก็หันขวับ

ไม่มีการพูดคุยอารัมภบท    จับใจความได้ว่า “สวัสดีค่ะ คุณปราย    รบกวนมาหาหน่อยได้ไหมคะ…..   ใช่ค่ะ นี่คือโศภิต….. ฉันต้องการพบคุณ…..”

ท่าทีที่อีกฝ่ายพูดโทรศัพท์ดูแปลกพิกล    พอวางโทรศัพท์ก็หันไปทำงานต่อ

“โศนัดให้คุณปรายมาเหรอ”    หญิงสาวต่อว่าเสียงดังจนคนใกล้ๆ หันมามอง

โศภิตเงยหน้าขึ้นมองงงๆ    “หือ ต้าถามว่าอะไรนะ”

“เธอนัดให้คุณปรายมาทำไม”

“โศเหรอ    นัดเมื่อไหร่”

“อย่ามาทำไก๋เลย…..ก็เมื่อกี้นี้เธอโทรศัพท์พูดกับใครมิทราบ”

โศภิตทำท่านึก    “เอ๋ ยังไงกัน…..”

“จริงหรือ…    เธอไม่ได้นัด…?”    ท่าทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อเบอร์ปรายเปรม ขัดอกขัดใจเต็มที่    “คุณปรายเหรอ    นี่ต้านะ    วันนี้ต้าจะไปซื้อของกับโศ    ถ้านัดอะไรกันไว้ละก็ลืมซะให้หมดนะ”

ชายหนุ่มทางปลายสายงุนงง    รอยยิ้มค้างคา   สีหน้าดีๆ เจื่อนจางลงอย่างผิดหวัง

“อะไรกันอีกล่ะ    ต้า    ก็เมื่อกี้นี้คุณโศเพิ่งโทรมาหยกๆ”

“ยัยโศเค้าเปลี่ยนใจแล้ว”

คิ้วเข้มขมวดมุ่น    เสียงถามเริ่มพาลหาเรื่อง    “โศเปลี่ยนใจหรือว่าต้าไม่อยากไป…    เป็นเพราะพี่มรุตใช่ไหม”

“อีกละ…    ไม่อยากพูดด้วยแล้ว    งั้นแค่นี้นะคุณปราย ต้าจะทำงานต่อละ”

สีหน้าของโศภิตยังงุนงงเมื่อหญิงสาว ตัดการติดต่อเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ไม่ได้สนใจว่าทางปลายสายจะรู้สึกอย่างไร    โศภิตเคยพูดว่า คนที่กำลังมีความรักมักจะเปราะบางหวั่นไหวง่าย    แต่เธอไม่ได้หลงรักปรายเปรมจึงไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้น

เธอทำทีเหมือนเยาะหยัน    “หวังว่าเธอคงไม่โทรไปอีกนะ”

โศภิตยกไหล่อย่างงวยงงและจนใจ

ศรุตาหันมาทำงานต่อ    แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเศร้าๆ ลอยมา

“ฉันต้องการเขา    เขาช่วยฉันได้”

หญิงสาวหันมามองงงๆ    “อะไร    เธอพูดถึงใครเหรอ”

“ปรายเปรม……”

“อะไรอีกล่ะ”    ถามงงๆ    ท่าทีของโศภิตดูผิดแปลก    การลงน้ำหนักการพูดก็แตกต่าง

“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้    ฉันต้องกลับไป”

“กลับไปไหน”

“ไปที่ของฉัน”

“เธออยากกลับบ้าน    ไม่อยากอยู่กับต้าแล้วใช่ไหม”

“ใช่”

“ทำไมล่ะ”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน    ไม่สนุกและไม่ปลอดภัย    ไปทางไหนวิญญาณเกเรและพวกเทพไม่มีระดับก็คอยตอแย…..”

ศรุตาชักโมโหเพราะคิดว่าเพื่อนล้อเลียน    “อีกละ…..”

“เค้าเรียกฉันว่าน้องสาวคนสวย……”

“พอแล้ว    ไม่ขำนะ”    เธอหน้าคว่ำไม่พูดจาด้วย หันหนีซะเฉยๆ

อีกฝ่ายเสียงเศร้า    “ถ้าเธอไม่ฟัง เราคงสื่อสารกันไม่ได้”

เธอหน้าคว่ำลุกหนี…….


การรอคอยของศรุตาสิ้นสุดเหมือนจะด้วยความสมหวัง เมื่อคุณเปี่ยมออกไปจากสำนักงาน แล้วดร. มรุต ก็เดินมาบอกเธอว่า

“วันนี้ยุ่งหน่อย    ตอนเย็นไปทานข้าวด้วยกันแล้วค่อยกลับบ้านดีไหมครับ”

“ดีค่ะ”    เธอยิ้มกว้างตอบรับแบบไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย

พอร่างสูงคล้อยหลัง    โศภิตก็พูดลอยๆ ประชดประชัน “ทำไมไม่ลุกขึ้นเต้นซะเลยล่ะ   เค้าจะได้รู้ว่าเธอดีใจขนาดไหน”

หญิงสาวค้อนวูบ    “ก็ดีใจจริงๆ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”

“ทีหลังจุดพลุเฉลิมฉลองซะเลยสิ”

เพราะกำลังอารมณ์ดี    ศรุตาจึงหัวเราะหน้าเป็นอย่างไม่ถือสา


เธอหวีผมผัดแป้งเตรียมเนื้อเตรียมตัวเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน แต่แล้วความฝันก็สลายวูบเมื่อสาวสวยคนหนึ่งผลักประตูกระจกเดินเข้ามา

“มาหา ดร. มรุต ค่ะ”    เสียงใสๆ ที่บอกกล่าวกับพนักงานต้อนรับทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง

ผู้หญิงคนนี้สวยทันสมัยท่าทีเต็มไปด้วยความมั่นใจ    เธอสวมกางเกงเข้ากันกับเสื้อสูท ดูประณีตงดงามกลมกลืนรับกันไปหมดราวกับเดินลงมาจากเวทีแสดงแบบ    ผมสลวยเข้ารูป    ใบหน้าสวยแปลกถูกตกแต่งเล็กน้อย

ร่างสูงเปิดประตูออกมาพอดี    พอเห็น    สีหน้าเขาก็กระจ่างร้องทักเดินเข้ามาหา

“เจนนี่…!”

“มาร์ค…..”

รองเท้าส้นสูงแบบบางพาร่างสมส่วนก้าวฉับๆ มายืนทักทายกันตรงหน้าศรุตาพอดิบพอดี    เธอได้แต่มองตาปริบๆ    น้ำเสียงฝ่ายชายอ่อนเอาใจ ใบหน้าระบายยิ้ม    ดวงตาคมจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา

“ไหนบอกว่าวันนี้มีธุระไงฮะ”

“พอดีเคลียร์งานได้เลยแวะมาค่ะ”

“ทำไมไม่โทรมาล่ะครับ”

“โทรศัพท์แบตฯ หมดค่ะ”

“คนเนื้อหอมก็อย่างนี้    พูดจนแบตฯ หมด” ชายหนุ่มหัวเราะ


ร่างสูงสง่าพาร่างบางที่งดงามสมส่วนเดินผ่านเข้าไปข้างใน เข้าห้องปิดประตูคุยกันเงียบ    ปล่อยให้คนข้างนอกซักถามคาดเดากันว่าสาวสวยคนนี้เป็นใคร

ศรุตาเองก็หน้าเจื่อน    ดร. มรุต ลืมเธอซะเฉยๆ

เสียงโศภิตถามเบาๆ    “แล้วทีนี้จะยังไงกันล่ะ”

อีกฝ่ายสีหน้าเจื่อนจาง

รุ่งแสงเดินมาถามว่า    “ไหนต้าบอกว่าเย็นนี้จะไปทานข้าวกับพี่มรุตไง    หรือว่าจะไปด้วยกันกับคุณเจนนี่”

“ไม่รู้ซิ”    เธอพูดเจื่อนๆ

สีหน้าญาติสาวเจือยิ้ม น้ำเสียงเยาะหยัน    “รุ่งว่าต้าไปกับโศตามลำพังเถอะ    ลองว่าแบบนี้ พี่มรุตคงเปลี่ยนใจแล้วละ    ต้าไปด้วยก็เกะกะเขาเปล่าๆ    คู่รักเขาจะอี๋อ๋อกัน”


ศรุตาไปซื้อเสื้อผ้าอย่างที่ตั้งใจไว้แต่กลับไม่มีจิตมีใจจะเลือกหา    โศภิตต้องเป็นคนเลือกให้    “ตัวนี้สวยดี    ต้าใส่แล้วต้องสวยแน่ๆ    ไปลองซิ”

“อืม    คงใส่ได้ไม่ต้องลองหรอก”    เธอตอบรับไปตามแกน


สีหน้าท่าทีเธอเหมือนคนอกหัก    โศภิตลอบมองแล้วถอนใจ ปลอบว่า    “อะไรๆ อาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้น่า    พรุ่งนี้ทุกอย่างก็คงกลับดีเหมือนเดิม”

“คุณเจนนี่สวยทันสมัย    ความรู้ก็คงจะสูงมาก” อีกฝ่ายพึมพำ

ท่าทีของคนทั้งสองก็ช่างสนใจใยดีกันเหลือเกิน    โศภิตมองเห็นแต่ว่าไม่ได้พูดออกมา


ทั้งสองกลับบ้านเหงาๆ    กองถุงข้าวของบนเก้าอี้    ศรุตาไม่มีจิตใจจะพูดคุย    นอนอ่อนแรงขณะที่โศภิตเข้าห้องน้ำ

“เขาเป็นคนรักกัน    เราเป็นเพียงคนนอกจริงๆ หรือ…”

แต่เมื่อวันก่อนเขายังจ้องมองเธอราวกับเธอเป็นคนสำคัญแล้วยังพูดว่า    คุณเจนเป็นเพื่อนที่รู้ใจต่างหาก ไม่ใช่แฟนสักหน่อย    แล้วเมื่อวานเขาก็พาเธอไปเที่ยว    ใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอหลงปลื้ม

ทำไมเขาทำอย่างนั้น

ภาพองค์อัปสราเอวอ่อนยิ้มให้ราวกับปลอบใจ   เสียงคุณย่าดังแว่ว…องค์อัปสราของย่าเป็นเทพแห่งความรักด้วย    ถ้ามีบุญคู่กัน   ท่านช่วยให้ผ่านอุปสรรคพบความสุขสมหวังได้…    ศรุตาค้อนขวับพลิกกายหันหลังให้

เธอกำลังหลับตาเมื่อมืออุ่นๆ จับแขน ศรุตานึกว่าโศภิตมาเรียกให้อาบน้ำจึงซุกหน้าหนี

“อืม….. เดี๋ยว…..”

มือนั้นตามจับแล้วยังเขย่าเบาๆ    เธอปรือตาหันมามอง    ภาพที่เห็นทำให้ตกตะลึงตาค้างแล้วก็ร้องกรี๊ด…..


โศภิตเปิดประตูเข้ามาอย่างตกใจ    เห็นหญิงสาวตาค้างตัวสั่นด้วยความตกอกตกใจเป็นที่สุด    คนอื่นๆ ตามกันเข้ามา    คุณนงนิตย์เข้ามาจับตัวเธอ    ศรุตายังคงชี้มือชี้ไม้พูดไม่ออก

“อะไรหรือต้า…..   อะไร…..”

“ผะ…ผะ…ผี……”

“อะไรนะ    ผีเผอที่ไหนกัน เหลวไหลใหญ่แล้วต้านี่”

เสียงเอ็ดดังอยู่ข้างๆ    แต่สีหน้าซีดเผือดตกอกตกใจของเธอทำให้คุณนงนิตย์ลังเลและคนอื่นๆ ต้องหันมองหน้ากัน    โศภิตยิ่งหน้าเจื่อนเพราะเป็นคนกลัวผีเป็นที่สุดอยู่ก่อนแล้ว

“ที่นี่มีผีด้วยหรือ”    เธอหันไปกระซิบถามรุ่งแสง

“มีซิ    ก็บอกแล้วไงว่าดุมาก”

คุณนงนิตย์ได้ยิน    “ไม่มีหรอก    ผีมีจริงที่ไหนเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น”    แต่สีหน้าท่าทีของศรุตาก็ทำให้เธอแปลกใจ    แต่ไหนแต่ไรศรุตาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน    “ต้าคงฝันร้ายไปน่ะ    ไหนบอกแม่ซิต้าว่าเห็นอะไร    ผีหน้าตาเป็นยังไงแม่อยากรู้”

หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ    หรือว่าเมื่อครู่นี้เธอกำลังเคลิ้มจะหลับก็เลยฝันไป    ไม่น่ะ   ก็มันเหมือนจริงเหลือเกิน

หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าประหลาดยืนอยู่ตรงข้างเตียง    สาวสวยซะด้วย    และเมื่อเธอส่งเสียงกรีดร้อง    เธอผู้นั้นก็คล้ายจะตกอกตกใจหายวับไปกับตา

ผีหรือว่าฝัน

เธอยึดมือมารดาไว้    “แม่….. ต้าไปนอนห้องแม่นะ” “อ้าว แล้วโศล่ะ”    สาวท้วมร้องเสียงหลง



จบบทที่ 19