อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 16

น้ำเสียงคล้ายบีบบังคับดังแว่ว    ‘…..ลุงรักต้า อย่าทำให้ลุงต้องผิดหวัง…..’   และ ‘…..คุณย่าคงไม่สบายใจแน่ถ้ารู้เรื่อง    ท่านไม่เคยยอมรับว่าท่านทำงานผิดพลาด…..’

ดังนั้น ดร.มรุต จึงต้องสะดุดใจครามครันกับท่าทีอ้ำอึ้งและสีหน้าเจื่อนจางของเธอ

“รายงานพวกนี้มันขัดๆ กันยังไงพิกล”    ชายหนุ่มชี้ที่แฟ้มรายงานเป็นตั้งบนโต๊ะ “ผมงงว่าความจริงคืออะไรกันแน่”

“เอ้อ…   ทำ… ทำไมพี่มรุตไม่ถามคุณทิพาดูล่ะคะ”

“ถามแล้ว    คุณทิพาอธิบายคล่องมาก    พูดนั่นพูดนี่แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ได้คำตอบเรื่องที่สงสัย    รุ่งแสงก็เหมือนกัน มาฟอร์มเดียวกันทั้งสองคน”

“แล้วลุงเปี่ยมว่ายังไงคะ”

“อาเปี่ยมบอกว่างานยุ่ง    สงสัยอะไรให้ถามคุณทิพาได้ทุกเรื่อง”

เสียงตอบเจือหัวเราะ    และศรุตาก็หัวอ่อนเกินกว่าจะจับกังวานเยาะหยันรู้เท่าทันได้    เธอไม่รู้เลยว่ามันเป็นความรู้สึกของชายหนุ่มต่อผู้คนที่แวดล้อมตัวเขาเป็นส่วนใหญ่

“ต้า…เอ่อ…ยิ่งไม่รู้เรื่อง…..”    เธอหลบตาเขาวูบวาบ

คุณทิพาถือถ้วยกาแฟเข้ามาให้เจ้าของห้อง   ทำเสียงสูงเหมือนประหลาดใจ    “อ้าว    น้องต้าอยู่ที่นี่เอง พี่เที่ยวตามหาเสียใหญ่เลย”

เธอสะดุ้งเล็กน้อย    “คุณทิพาตามหาต้าทำไมคะ”

“เมื่อกี้นี้คุณเปี่ยมโทรมา    บอกว่าจะได้รถพรุ่งนี้ค่ะ”

“อ้อ…    หรือคะ”    เธอไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย

“คุณเปี่ยมบอกให้น้องต้าโทรศัพท์กลับไปหาด้วย”

สีหน้าเธอเจื่อนจางรับคำ มองเขาอย่างไม่สบายใจ    บอกกล่าวเบาๆ ก่อนจะออกจากห้อง

สาวใหญ่หันมายิ้มหวาน    วางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าหนุ่มรูปงาม

“คุณเปี่ยมกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน    เป็นห่วงว่าน้องต้าจะมาทำงานลำบากก็เลยซื้อรถให้ใช้ค่ะ”

เขาไม่ติดใจในเรื่องหลัง    “เอ๊ะ อาเปี่ยมจะไปไหนหรือครับ”

“ไปกัมพูชาเพื่อนบ้านเรานี่เอง ไม่ไปไหนไกลหรอกค่ะ คุณเปี่ยมคิดทำธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวจะไปดูโรงแรมและที่ดินที่มีคนบอกจะขายให้”

“อ้อ   นี่เป็นความรู้ใหม่ของผมครับ    แต่นึกยังไงทำไมอาเปี่ยมถึงจะไปลงทุนที่กัมพูชา”

“มีคนรู้จักชวนเข้าหุ้นค่ะ    เห็นว่าธุรกิจท่องเที่ยวทางนั้นกำลังบูมก็เลยสนใจจะไปดูสักหน่อย”    หญิงสาวอธิบายเสียงแจ๋ว


ข่าวเรื่องคุณเปี่ยมจะไปดูลู่ทางทำธุรกิจที่ประเทศกัมพูชาล่วงรู้ไปในหมู่คนรู้จักรวมทั้งญาติๆ ที่ไปมาหาสู่    คุณย่าอดเป็นห่วงไม่ได้

“ไปลงทุนที่เขมรหรือ   บ้านเมืองเขาเจริญหรือยัง   โจรผู้ร้ายชุกชุมหรือเปล่า”

“เรื่องโจรผู้ร้ายนี่ไปทางไหนก็หนีไม่พ้นหรอกครับ    คุณแม่    แต่ว่าเท่าที่ผมได้ฟังมา ธุรกิจการท่องเที่ยวทางโน้นกำลังมีท่าทีจะรุ่งมาก ทั่วโลกกำลังตื่นตัวมาดูกัน    ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ    ลงทุนตอนนี้น่าจะใช้เงินน้อยกว่าการที่จะปล่อยให้คนอื่นเขาล่วงหน้าไปก่อนเรานะครับ”

“อืม    แล้วเปี่ยมคิดจะทำจริงๆ หรือ”

“จะทำหรือไม่นี่ยังไม่แน่หรอกครับ   ผมอยากจะไปเห็นด้วยตาและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ”

คุณย่าเชื่อถือในความสามารถของคุณเปี่ยมจึงไม่คัดค้าน    คุณฉัตรออกจะระแวงสงสัยแต่ก็ถามยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไรซ่อนเร้น

“เปี่ยมจะไปนานเท่าไหร่”

“คงไม่เกินห้าวันเจ็ดวันหรอกครับพี่ฉัตร”

เขาแกล้งพูดว่า    “ถ้าโครงการดี บางทีพี่จะขอร่วมลงทุนด้วย”

“ดีซิครับ    ผมยินดีทำงานกับพี่ฉัตรเสมอ”    คุณเปี่ยมยิ้มกว้างอวดคุณย่า    “ว่าแต่ไหนๆ พี่ฉัตรก็เพิ่งย้ายกลับมาจากอเมริกา เราน่าจะจัดงานเลี้ยงชวนเพื่อนๆ และญาติๆ มาร่วมรับรู้แสดงความยินดี    นอกจากต้อนรับพี่ฉัตรแล้วผมจะได้ถือโอกาสเลี้ยงส่งตัวเองด้วย”

คุณฉัตรยิ่งแคลงใจแต่ก็ยิ้มร่า    “แหม    ไม่ต้องลำบากกับพี่ถึงอย่างนั้นหรอกนะ”

“ไม่ลำบากหรอกครับ    ลูกๆ หลานๆ จะได้มาพบกันให้คุณย่าสบายใจด้วย”

สีหน้าคุณย่าเป็นปลื้ม    คุณฉัตรเลยต้องนิ่ง


งานเลี้ยงที่คุณเปี่ยมจัดขึ้นเป็นงานง่ายๆ แต่ก็มีรายชื่อเพื่อนๆ และญาติๆ ได้รับคำเชิญชวนให้มาร่วมด้วยเกือบร้อยคน    ส่วนหนึ่งเพื่อมาทักทายคุณฉัตรซึ่งไปอยู่ต่างประเทศเกือบยี่สิบปี    อีกส่วนหนึ่งเพื่อรับรู้เรื่องการเดินทางงานธุรกิจของเขา

แม้กำหนดจัดงานจะตามมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่มีใครเดือดร้อน   อาหารถูกทำเองบ้าง   หากส่วนใหญ่สั่งมาจากภัตตาคารมีชื่อ    บริการจัดโต๊ะและกางเต้นท์ทำงานอย่างรวดเร็ว    การจัดเตรียมใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เรียบร้อย

โศภิตถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามมาพักอยู่กับศรุตา    เมื่อเข้ารายงานตัวกับพวกผู้ใหญ่เจ้าของบ้าน   คุณเปี่ยมมีท่าทียินดีต้อนรับ

“ดีแล้ว    ช่วงที่ผมไม่อยู่ ต้าจะได้มีเพื่อนนั่งรถไปทำงาน”

โศภิตยิ้มแป้น

“เจ้านายใหญ่ช่างเป็นห่วงเธอจริงๆ นะต้า”

ศรุตาได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

แขกมากันบ้างแล้วเมื่อน้องสาลี่แต่งตัวสวยเดินมายืนมองศรุตา    มีเสื้อผ้าไม่มากในตู้ เสื้อตัวหลวมกางเกงยีนตัวใหญ่เป็นแบบอย่างที่ตายตัว

“ทำไมพี่ต้าไม่แต่งตัวอย่างพี่รุ่งบ้างคะ”

เธอนึกภาพออกในทันที    “โหย    ไม่เอาละค่ะ”

“ทำไมไม่ลองดูล่ะคะ    พี่มรุตยังชมเลยว่าพี่รุ่งแต่งตัวสวย”

เธอชะงัก    “หรือคะ   พี่มรุตชมเมื่อไหร่”

“ชมเกือบทุกวันเลยค่ะ”

สีหน้าเธอทำให้โศภิตหัวเราะกึกๆ    “ชักตาร้อนแล้วซิ ยัยต้า”

“เปล่าซักหน่อย”    เธอเถียง    แต่ในใจวูบวาบ

“ไปดูพี่รุ่งกันไหมคะ    พี่ต้าจะได้แต่งตัวเหมือนพี่รุ่ง”

มือเล็กๆ ที่ยื่นมาจับจูงทำให้หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้    ไม่วายดึงโศภิตให้เดินตามมาด้วย

ญาติส่วนหนึ่งมาถึงแล้ว   เข้าๆ ออกๆ ห้องคุณย่าผู้ซึ่งสดชื่นกว่าทุกวัน ลุกขึ้นนั่งปักหลักต้อนรับแข็งขัน    มรุตออกจากห้องคุณย่าเดินมาพอดี มองเธอยิ้มๆ

“แต่งตัวเสร็จแล้วหรือครับ ต้า    วันนี้ไม่แต่งอะไรเป็นพิเศษหรือ    ทุกวันๆ ก็เห็นแต่งแบบนี้”

“เอ่อ    อือ คือต้ากำลัง…..”    เธอไม่รู้จะพูดให้จบประโยคอย่างไรดี

เขาละความสนใจเพราะไม่เคยจะคาดหวังอะไรจากเธอสำเร็จ    บอกน้องสาลี่ด้วยน้ำเสียงเบิกบาน    “วันนี้พี่เจนจะมาด้วยนะสาลี่    ดีใจไหม    พี่เจนถามถึง…บอกว่าคิดถึงสาลี่มาก”

“น้องสาลี่ก็คิดถึงพี่เจน”

“ใครคือพี่เจนคะ”

ชายหนุ่มยิ้มแทนคำตอบแล้วเดินผ่านไปเหมือนกำลังติดพันกับธุระอื่น    ศรุตาหันมาหาเด็กหญิง    ถามซ้ำอย่างสนใจเป็นที่สุด

“ใครคือพี่เจนคะ น้องสาลี่”

“พี่เจนเป็นแฟนพี่มรุตค่ะ    เขากลับมาเมืองไทยมาก่อนพวกเราแป๊บนึง”

“โห”    โศภิตอุทาน

ศรุตาใจวูบอีกแล้ว    นึกภาพสาวสวยที่ทำให้ชายหนุ่มมีสีหน้ากระจ่างแจ่มใสยามพูดถึง แล้วก็อดผิดหวังไม่ได้    เพราะอย่างนั้นหรือเปล่าครอบครัวคุณฉัตรจึงมาปรากฏตัวที่นี่    ความจริงคุณย่าเป็นเรื่องรอง    เรื่องหลักคือมรุตต้องการตามหญิงที่รักกลับมาต่างหาก

หญิงสาวรู้สึกห่อเหี่ยวอับเฉาอย่างบอกไม่ถูก


ปรายเปรมเดินเข้ามาหา    โศภิตหน้าชื่น    “แน่ะ   คุณปรายมาแล้ว”

“สวัสดีคร้าบ…คุณผู้หญิง”    เขาทักอย่างแจ่มใส

   ร่างสูงใหญ่ก้มลงทักทายน้องสาลี่ที่พนมมือไหว้ แล้วหันมาหาหญิงสาว    “เป็นอะไรไปต้า ทำหน้าเหมือนเพิ่งกินไข่เน่ามางั้นแหละ”

“อย่ายั่วนะ”    เธอเสียงเขียว    กระตุกมือเด็กหญิง    “ไปกันเถอะค่ะน้องสาลี่”

ร่างบางของสาวน้อย จับจูงคนเป็นสาวน้อยกว่าเดินหนีไปอย่างอารมณ์เสีย    ปรายเปรมหันมาถามโศภิตงงๆ

“ต้าเค้าเป็นอะไรไปฮะ โศ”

“ยัยต้าโดนระเบิดสองลูกซ้อนๆ เลยค่ะ    ทีแรกน้องสาลี่พูดว่าคุณมรุตชมทุกวันว่ารุ่งแสงแต่งตัวสวย น้องสาลี่เลยอยากให้ยัยต้าแต่งบ้าง    แล้วเมื่อกี้นี้เค้าก็เพิ่งรู้ว่าคุณมรุตมีแฟนแล้วและวันนี้ก็จะมางานด้วย”

“อ้อ…..”    ชายหนุ่มเสียงเข้ม   ไม่พอใจขึ้นมาบ้าง


เขาตามมาทันพวกสาวๆ ที่ห้องนอนคุณสมฉวีซึ่งเคยเป็นห้องนอนของพ่อเขา    รุ่งแสงแต่งตัวเสร็จแล้ว    สวมเสื้อสายเดี่ยวอวดเนินอกหลังไหล่   กางเกงเอวต่ำเห็นหน้าท้องขาวๆ วับแวม   ศรุตาและสาลี่ได้แต่ยืนมองไม่พูดไม่จา   น้องสาลี่ยิ้มมองตาแป๋วขณะที่ศรุตาได้แต่ยืนทำตาปริบๆ

รุ่งแสงหันมา    “อ้าว มาตามรุ่งกันหรือ กำลังจะลงไปอยู่พอดี”

“ต้าเค้าจะมายืมชุดรุ่งใส่น่ะ”    โศภิตแกล้งยั่ว

ศรุตาหันมาค้อนวาบ

รุ่งแสงหัวเราะอย่างไม่คิดจะซ่อนกังวานเย้ยหยัน    “ต้าน่ะหรือจะใส่แบบรุ่ง    วันนี้จะโชว์จำอวดหรือไง    นึกยังไงขึ้นมา”

“อ้าว    คนเราก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงบ้างซิ    ยิ่งคนที่กำลังมีความรักยิ่งต้องพัฒนาตัวเองเป็นพิเศษ”    พอศรุตาไม่ขำด้วย โศภิตเลยต้องหันหากำลังสนับสนุน    “จริงไหมคะคุณปราย”

“ไม่รู้ ผมไม่ได้รักใคร”    เสียงตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ

“อ้าว…….”

รุ่งแสงหันไปเปิดตู้    หยิบเสื้อตัวจิ๋วออกมาชูให้ด้วยท่าทีล้อเลียน “ถ้าต้ากล้าใส่    จะให้รุ่งทำยังไงก็ยอม”

ศรุตาหันหลังเดินกลับห้องอย่างหมดความอดทน    แต่น้องสาลี่กลับสนใจชุดของอีกฝ่าย เอื้อมมือไปรับด้วยสีหน้าเจือยิ้ม

“ยัยต้าคงไม่ได้จะแต่งตัวเอาใจคุณปรายหรอกนะ”    หญิงสาวหันมาเยาะหยันคนที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ    “เอ   จริงซิ    ได้ยินว่าแฟนพี่มรุตจะมา   คงเพราะอย่างนี้เองกระมังเลยต้องพยายามสุดความสามารถ…..”

“ใช่ค่ะ   พี่มรุตบอกสาลี่ว่าพี่เจนจะมาค่ะ”

“นั่นไง…”    รุ่งแสงหัวเราะ ทำตาระริกล้อเลียนชายหนุ่ม “แล้ววันนี้จะมีคนหัวใจสลายซักกี่คนกันน๊อ…..”

“ปรายไปช่วยทำงานดีกว่า”    ตัดบทห้วนๆ แล้วร่างสูงก็หันจากไป

รุ่งแสงมองตาม    แม้ริมฝีปากยิ้มพรายแต่กลับรู้สึกเจ็บลึกๆ


เสื้อที่น้องสาลี่เอามายื่นให้ทำให้ศรุตาวุ่นวายใจ    สีหน้าของเด็กหญิงอิ่มเอมเหมือนตั้งใจเต็มที่

“น้องสาลี่คะ    พี่ต้าคงใส่ไม่ได้หรอกค่ะ”

“พี่ต้ายังไม่ได้ลองแล้วทำไมถึงบอกว่าใส่ไม่ได้ล่ะคะ”

“ก็    เอ่อ…..    คือว่า……”

“น้องสาลี่ว่าต้องสวยแน่ๆ เลย”

เธออ้ำอึ้งมองหน้าโศภิตอย่างขอความช่วยเหลือแต่เพื่อนสาวกลับเชียร์เต็มที่    “ลองใส่ให้ดูหน่อยน่า”

“จะบ้าเหรอ”

“เอ๊า    ว่าน้องสาลี่อย่างนั้นได้ไง…..    ลองน่า”

“พี่ต้าใส่นะคะ”

หญิงสาวลังเลแล้วก็รับผ้าชิ้นเล็กๆ ที่เด็กหญิงยื่นออกมาอย่างรอคอยไปถือไว้    ที่สุดก็หายเข้าห้องน้ำอย่างตัดใจ    ได้ยินเสียงโศภิตร้องเพลงเชียร์แว่วๆ    …..โลกทั้งใบอยู่ใต้ฝ่าเท้าเราแล้วจะกลัวอะไร    ไม่มีใครจะมาเหนือกว่า…..    Oh if they can do I can do too… yeah yeah…..


ร่างที่ค่อยๆ โผล่ออกมาอย่างไม่มั่นใจทำให้น้องสาลี่ยิ้มกว้าง    โศภิตเองก็มองตาค้างส่งเสียงร้องลั่น    “เฮ้ ใครกันนั่น”

“อย่าแซวนะ…!”    เธอเสียงเขียว

“น้องสาลี่บอกแล้วว่าต้องสวย…..    น้องสาลี่จะไปบอกพี่มรุตว่าวันนี้พี่ต้าสวยที่สุด…..” พูดจบร่างเล็กๆ ก็หมุนตัววิ่งออกไปจากห้อง

“น้องสาลี่    เดี๋ยวค่ะ”    ศรุตาร้องห้ามไม่ทัน    ได้แต่หันมาทำสีหน้าอ่อนใจกับโศภิต    “ต้าแค่ใส่ให้ดูเฉยๆ นะ   จะถอดละ”

“แต่ก็สวยดีนะต้า    จะถอดทำไมประเดี๋ยวน้องสาลี่เสียใจนะ    เห็นเชียร์แทบแย่”

“ไม่เอาหรอก ต้าไม่กล้าใส่    ก็คนไม่เคยน่ะ”

“ก็เคยซักทีซิ”

“ตัวเองไม่ได้ใส่ก็พูดได้ซิ”

โศภิตไหวไหล่    ยกมือทั้งสองขึ้นอย่างยอมจำนน    หญิงสาวจึงหันหลังจะกลับเข้าห้องน้ำ

จู่ๆ เสื้อตัวหนึ่งก็ถูกโยนมากระทบแผ่นหลัง   ศรุตาหันกลับมา    เห็นเสื้อตัวนอกของโศภิตหล่นลงไปกองอยู่กับพื้นแทบเท้าเธอ    ตรงหน้าคือสาวตุ้ยนุ้ยที่สวมเพียงเสื้อบังทรงสายเดี่ยวที่เธอชอบสวมไว้ข้างในเสื้อสูท

“เธอใส่ ฉันใส่”    สีหน้าและน้ำเสียงเธอไม่คล้ายโศภิตคนเดิม

“โศ…..”   หญิงสาวเดินเข้ามาหาอย่างแปลกใจ    สีหน้าท่าทีโศภิตราวกับไม่ใช่คนเดิม   “โศจะแต่งแบบนี้จริงๆ เหรอ”

“ชุดสวยดี…    คนนั้นใส่แล้วสวย    เธอก็ใส่สวย…..”

“คนไหนใส่แล้วสวย”

“คนนั้น…..    รุ่งแสง…..”

เธอแตะหลังมือกับหน้าผากเพื่อน    “ตัวร้อนหรือเปล่า    อุ๊ย    ตัวร้อนจริงๆ ด้วย    เธอไม่สบายแน่ๆ แล้วยัยโศ”

“เธอเองก็อยากให้คนอื่นมองเห็น แล้วทำไมถึงซ่อนตัวเอง”    เสียงถามเหมือนสั่งสอน

“อะไร…!?!    ใครซ่อนตัวเอง…..”

“เธอไง    ซ่อนตัวเอง”

หญิงสาวขยับริมฝีปากจะเถียงแต่โศภิตจับข้อมือหมับ    “แขกมากันแล้ว”    ศรุตารู้สึกร้อนวาบ    เดินตามพลางจ้องมองเพื่อนสาวอย่างลืมตัว

มีผู้คนมากมายอยู่ที่ห้องโถงข้างล่าง    บางคนบังเอิญมองขึ้นมาแล้วหยุดชะงักทำให้คนอื่นๆ มองตาม    สีหน้าหลายคนจุดประกายแปลกใจและ อีกหลายคนก็ยิ้มชื่นชม    พอศรุตารู้ตัวก็ก้าวขาไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ เห็นประกายตาคุณเปี่ยมวาบวับจับจ้อง    มรุตมองมาแล้วยิ้มมากกว่าเคย   รุ่งแสงที่ยืนอยู่ข้างๆ คล้ายตกตะลึงคาดไม่ถึงและปรายเปรมก็ทำสีหน้าเครียดขรึมไม่พอใจราวกับเธอกำลังทำความผิด

โศภิตคล้ายไม่สนใจใคร เดินนำลงบันไดอย่างมั่นใจ    ไม่ได้หันมาแม้แต่น้อยเมื่อศรุตาสะดุดขาตัวเองเพราะความประหม่า

มืออุ่นๆ คว้าแขนศรุตาไว้ราวกับมีตาข้างหลัง…..!



จบบทที่ 16