ชายหนุ่มเห็นรุ่งแสงหลับไปบ้าง และก็มีบางครั้งที่พอลืมตา เธอก็สั่งคนขับรถหน้าตาเฉย “เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเถอะ ทางตรงมีแต่พวกเกเร”
คนขับรถชาวเขมรคนนี้คงพอจะเข้าใจภาษาไทยเพราะทำตามอย่างว่าง่าย ปรายเปรมถามอย่างแปลกใจ “รุ่งรู้ทางด้วยเหรอ”
เธอไม่ตอบ เพราะมัวหันไปฟังชายคนขับพูดอะไรยาวๆ เป็นภาษาเขมร เธอตอบไปยาวๆ เช่นกัน
“ไปเรียนภาษาเขมร มาจากไหน ทำไมพูดกันรู้เรื่อง”
“ฉันทำอะไรได้หลายอย่าง” วิธีการพูดของเธอผิดแปลก
“ผมรู้ว่ารุ่งเก่งรอบตัว แต่เรื่องภาษาเขมรนี่ทำให้แปลกใจมาก”
“ก็แค่พูดไม่กี่คำเท่านั้น”
เขาเลยได้แต่นิ่ง
คำพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เป็นห่วงศรุตาจริงๆ ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวนักก็ไม่รู้” ทำให้ชายหนุ่มต้องแปลกใจอีก
“ไหนรุ่งบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงต้าไงล่ะ เขาแค่ตามพี่มรุตมา แล้วยังไงๆ ก็มีคนดูแลตั้งหลายคน”
“เขากำลังมีเคราะห์….. มีแต่คุณเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้”
“งั้นหรือ? ใครบอกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้”
“คู่อุปถัมภ์ค้ำชูย่อมปกป้องกันและกัน”
“ผมกับต้าเนี่ยนะ คู่อุปถัมภ์ค้ำชู…” ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายแกล้งพูด “ผมทนนั่งเฉยๆ ไม่ได้หรอก รุ่ง ในเมื่อมันไม่ได้ยากลำบากอะไร ผมก็อยากจะมาดูให้เห็นด้วยตาว่าเขาสบายดี”
เสียงเธออ่อน “คุณเป็นห่วงเขามากกว่าใครทั้งหมด”
“แต่ก็คงไม่มากกว่าป้านิตย์หรอก”
“แม่ย่อมรักลูกเป็นที่สุดอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มมองเธออย่างเพ่งพิศ “แล้วที่รุ่งตามมานี่เป็นห่วงใคร”
เธอขยับจะตอบแล้วก็กลับถามว่า “คุณถามใครหรือ”
“ก็ถามคุณน่ะซิจะถามใคร”
“ฉันเป็นห่วงศรุตา” สีหน้าคนตอบจริงใจ “แล้วก็เป็นห่วงคุณด้วย”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงต้ากับผม” ดวงตาสีเหล็กจับมองใบหน้าอีกฝ่าย สาวสวยคมเข้มแก่นกล้าที่เชื่อมั่นในตัวเองคนนี้ เมื่อมีบุคลิกท่าทีสงบนิ่งกลับน่าดูเป็นคนละคน เขาแปลกใจเป็นที่สุดว่าทำไมจู่ๆ ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไป “แต่ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นกับผมจริงๆ รุ่งก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้หรอกจริงไหม”
“นั่นซิ” เธอรับคำแล้วก็กลับหลับตาลงเฉยๆ
ชายหนุ่มมองเธอ สีหน้าสงบเสงี่ยม เปี่ยมเมตตาแบบนี้ไม่ใช่จะเห็นง่ายๆ เขาถามตัวเองว่าหรือว่าเขาได้มองข้ามอะไรบางอย่างไป คุณความดีของเธออาจจะมีอยู่มากกว่าที่เคยเห็นก็เป็นได้
หากแล้วพอลืมตาขึ้นอีกที รุ่งแสงก็กลับไปเป็นสาวสวยที่หลุกหลิกขี้เล่นและเจ้าอารมณ์คนเก่า “อากาศร้อนน่ารำคาญจริง เอ ทำไมเผลอหลับบ่อยจริง แล้วก็ฝันแปล๊ก…แปลก”
“ฝันอะไรหรือที่ว่าแปลก”
“ฝันว่าคุยกับคุณปรายเป็นเรื่องเป็นราวยังกับเกิดขึ้นจริงๆ อย่างนั้นแหละ”
สีหน้าเขาเจือยิ้ม “แล้วเราคุยกันเรื่องอะไรหรือ”
เธอนิ่งนึกแล้วก็ยกไหล่ “ช่างเถอะ ถึงยังไงในฝันคุณก็ดีกับฉันมากกว่าที่เคยเป็น”
“แหม ผมไม่เคยร้ายกับรุ่งเลยนะ..…”
“เป็นครั้งแรกที่คุณมองฉันอย่าง… ยังไงดี มองอย่างบวกมั้ง คือมันคล้ายๆ ชื่นชมและพอใจซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน”
น้ำเสียงเขาอ่อนอย่างสำนึกผิด “มีอะไรที่ผมจะไม่พอใจรุ่ง”
เธอยกไหล่ “คงจะทุกเรื่องกระมัง”
ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เฉยเมยเหมือนไร้ความรู้สึก ในคืนที่นอนอยู่ด้วยกันเพียงสองคนบนเตียงเดียวในบ้านริมทะเลคืนนั้นหรอก……
เมื่อถึงโรงแรม มรุตและศรุตาต่างก็ไม่อยู่ในห้อง
พนักงานแจ้งให้รู้ว่า “ตอนนี้มีห้องให้พักได้อยู่เพียงห้องเดียว แต่ว่าเวลาประมาณสี่โมงเย็นจึงจะได้ห้องเพิ่มเพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังจะย้ายออกไปครับผม”
“หรือว่าจะไปพักที่โรงแรมอื่น” ชายหนุ่มหันมาถาม
รุ่งแสงตอบว่า “ตอนนี้มีห้องเดียวก็พักไปก่อนเถอะ พอได้ห้องเพิ่มแล้วค่อยขยับขยาย”
ชายหนุ่มตกลง
เขาพยายามต่อโทรศัพท์หาศรุตาก็ไม่เป็นผล พอเข้าห้องพักทิ้งตัวลงนอน ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางท่ามกลางอากาศร้อนโดยรถยนต์ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศทำให้ชายหนุ่มเผลอหลับไป
รุ่งแสงอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เธอนั่งมองร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ที่ริมเตียงหลับเหมือนเด็กๆ อยู่นาน อยากจะลูบไล้ใบหน้าคมเข้มที่ได้เหลี่ยมมุมนั้นนัก แต่ถ้าเธอทำตามใจชอบ เขาก็คงจะต่อต้านดังเคย
เขารักศรุตา ความรู้สึกนี้นับวันก็ยิ่งเป็นจริง มันบีบเค้นให้เธอเจ็บหนึบๆ ศรุตามีอะไรที่เธอไม่มีกันหนอ เด็กกะโปโลคนนั้นความคิดอ่านตรงๆ ตื้นๆ ไร้สาระ เรียนก็ไม่เก่ง ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง
พอเบื่อเธอก็เปิดประตูเดินลงมาจากห้อง โรงแรมนับว่าใหญ่ในท้องถิ่นคงจะมีคนมาพักมากมายเพราะมีร้านค้าในบริเวณโรงแรมติดป้ายภาษาอังกฤษ บอกให้รู้ว่าขายสินค้าปลอดภาษียี่ห้อดัง ซึ่งนำเข้าจากนานาประเทศ เธอหมายตาไว้แต่แรกจึงอดเข้าไปเลือกหาซื้อข้าวของไม่ได้
ช่างบังเอิญโชคดีที่พบจรัสไขกำลังชมดูข้าวของอยู่เช่นกัน ต่างทักกันอย่างโล่งใจและแปลกใจ
“จู่ๆ คุณปรายเค้าก็เรียกขึ้นรถมา รุ่งเตรียมอะไรไม่ทันเลยต้องมาหาซื้อเอาตรงนี้แหละค่ะ ว่าแต่ทุกคนสบายดีใช่ไหมคะ พี่เจนนี่”
“ทุกคนโอเคค่ะ แต่มรุตไม่ค่อยสบายใจเพราะยังไม้รู้ว่าคุณพ่อหายไปไหน นี่ออกแต่เช้าไปกับต้า เห็นว่าจะไปกันหลายที่ พอได้ยินใครให้เบาะแสอะไรหน่อยก็วิ่งไปหาทันทีเลย พี่เห็นว่าช่วยอะไรไม่ได้ก็เลยขอรออยู่ที่นี่”
“แล้วต้าเค้าช่วยอะไรได้หรือคะ”
“ช่วยยุ่ง” คนตอบหัวเราะ
รุ่งแสงโทรศัพท์ไปบอกที่ห้อง ปรายเปรมอาบน้ำแต่งตัวใหม่เสร็จรออยู่แล้วจึงลงมานั่งคุยด้วย ชายหนุ่มซักถามความคืบหน้าของการค้นหาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
“พี่ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ รู้แต่ว่าเขาไปพบคนนั้นคนนี้หลายคน”
พอศรุตาเดินหน้ามันตามมรุตกลับเข้ามาจึงเห็นคนทั้งสาม
“คุณปราย…” เธอร้องเรียกอย่างตื่นเต้นระคนยินดีวิ่งเข้ามาหา “มาได้ยังไงฮึนี่”
ร่างสูงผิวขาวจัดของญาติผู้พี่ที่ตามหญิงสาวเข้ามาทำให้สีหน้าของชายหนุ่มตึงเครียด ตอบเหมือนไร้ไมตรี “ไม่เห็นยากเลย แค่ติดต่อให้คนมารับที่ชายแดน นั่งรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
“รุ่งไม่เคยมาก็เลยถือโอกาสมาดู” ยิ้มมีนัยในใบหน้าสวยใสของญาติสาวทำให้ศรุตาชะงัก ถามเสียงเข้ม
“อ้อ แปลว่ามาเที่ยวกันใช่ไหม”
“จะว่ายังงั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบรับอย่างถือดีปานกันทำให้อีกฝ่ายได้แต่มองตาค้างพูดไม่ออก
“แล้วพักกันที่ไหน” มรุตถามขรึมๆ
รุ่งแสงตอบว่า “พักที่นี่แหละค่ะ…ห้องเบอร์ 308 ค่ะ”
“แล้วปรายล่ะ”
“ห้องเดียวกันค่ะ พี่มรุต” รุ่งแสงตอบเสียงใส
สีหน้าของศรุตาที่นิ่งฟังแล้วหันขวับมองหน้าทำให้ชายหนุ่มต้องรีบอธิบายอย่างร้อนตัวว่า “ตอนนี้เขามีห้องว่างอยู่ห้องเดียวครับ พี่มรุต แต่ว่าอีกประเดี๋ยว…..”
รุ่งแสงแทรกด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ “ค่าห้องแพงออกจะตาย ห้องก็กว้างเตียงก็ใหญ่แล้วจะเสียเงินสองเท่าทำไมกันล่ะคะ”
“ปรายมานอนห้องพี่ก็ได้นะ…..”
สาวสวยรีบพูดเจือหัวเราะมีนัย ประกายตาระริกหยอกเย้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่มรุต ปรายกับรุ่งนอนห้องเดียวกันจนชินแล้ว รุ่งขี้กลัวมีเพื่อนนอนด้วยอุ่นใจดีค่ะ”
ดวงตาของศรุตาเจือขุ่นขึ้นทุกที ตาปรายบ้า ชอบกับรุ่งแสงแล้วมาทำท่าหึงหวงห่วงใยให้เธอหวั่นไหวทำไมกัน ก็คืนนั้นถ้าเธอหลบไม่ทันคงโดนเขาจูบแล้ว ที่แท้ก็เจ้าชู้ไก่แจ้ไปทั่ว ไม่รู้ว่าจะยังมีใครอื่นอีกกี่คน มิน่าซิถึงย้ายออกไปอยู่ที่อื่นไม่ยอมกลับบ้านช่อง
สีหน้าเธอทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพูดจนลิ้นพันกัน
“งั้นผมไปนอนห้องพี่มรุตก็ได้ครับ”
“ต้าไปอาบน้ำดีกว่า อยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าร้อนจะตาย..!”
เธอออกอาการ “ร้อน” อยู่ข้างใน หันหนีแยกตัวออกจากกลุ่มโดยเร็วไม่ฟังใครอีก ได้ยินเสียงใสๆ หัวเราะตามหลัง ‘..พวกเขาคงหัวเราะกันเองไม่เกี่ยวกับเราหรอก…’ คิดอย่างนั้นแต่เธอก็ค้อนลมค้อนแล้งไปตลอดทาง
พอขึ้นลิฟท์ องค์อรดีก็ปรากฏร่าง “เขามาเพราะเป็นห่วงศรุตา”
“อ้าว ท่านก็มาด้วย” เธอรีบยกมือไหว้
“ฉันชอบทัศนศึกษา” ทรงแก้ตัว
“ท่านถือโอกาสมาเที่ยวใช่ไหมล่ะคะ ต้ารู้น่า ว่าท่านชอบเที่ยว”
“ก็ดีกว่ารอเฉยๆ อยู่ที่บ้านตั้งแยะ ไม่มีศรุตาฉันก็เหงามาก”
“แล้วท่านไม่กลัวพวกเทพไร้ระดับกับวิญญาณเกเรเร่ร่อนตามทางหรือคะ”
“ก็กลัว ฉันกลัวเทพอสูรด้วย แต่ว่ามากับปรายเปรมก็ปลอดภัยดี ไม่อย่างนั้นฉันก็จะเข้าไปซ่อนในร่างของรุ่งแสง”
เธอลังเลแล้วก็อดถามไม่ได้ “สองคนนั่น….. เอ่อ… เค้ามีอะไรกันจริงๆ หรือคะท่าน”
“มีอะไรกันนี่คืออะไร?”
“เอ่อ คือว่า เอ่อ…..” เธอนึกหาคำพูดไม่ได้
“ใครจะมีอะไรกับใครไม่ใช่เรื่องของเทพ” อีกฝ่ายสรุปดื้อๆ
แม้ปรายเปรมจะย้ายไปพักห้องเดียวกับมรุต ศรุตาก็ยังทำสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในระหว่างสาวสวยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งสองคนเมื่อตามกันไปทานอาหาร ปรายเปรมหน้าเจื่อนเมื่อพยายามจะพูดดีด้วยแต่ไม่เป็นผล แล้วรุ่งแสงยังตามคลอเคลียหยอกเย้ามีนัยเหมือนตั้งใจยั่วให้เธอเข้าใจผิด พอศรุตาเอาแต่ปั้นหน้า “เต้าหู้บูด” เข้าใส่ เขาก็เลยได้แต่ซักถามมรุตถึงความคืบหน้าของการค้นหา
สีหน้ามรุตเจือวิตก “พรุ่งนี้เราจะไปอีกที่หนึ่งกัน ชื่อตำบลอะไรพี่ก็จำไม่ได้แล้วต้องถามคนนำทาง” เขาหันไปพยักหน้าเรียกชายชาวเขมรซึ่งปลีกตัวไปนั่งกับเพื่อนที่อีกโต๊ะหนึ่ง “มีคนที่นั่นอ้างว่าได้พบอาเปี่ยม ตอนนี้เราตามหาร่องรอยของทั้งสองคนแต่ว่าหาอาเปี่ยมดูจะหาง่ายกว่า แต่บางทีเขาอาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้”
“ตำบลที่ว่านี้อยู่ไกลไหมครับ หนทางลำบากหรือเปล่า”
“ได้ยินว่าทางไปลำบากเอาการ พื้นที่บางจุดยังมีกับระเบิดฝังอยู่เพิ่งมีคนบาดเจ็บสาหัสหยกๆ”
ชายเขมรตัวดำหน้ากร้านที่เดินมานั่งโต๊ะด้วยให้คำตอบเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปเป็นภาษาไทยปนอังกฤษกระท่อนกระแท่นแต่ได้ใจความครบถ้วน สีหน้าของคนฟังยิ่งวิตกกลัดกลุ้ม
“แต่ว่าลุงเปี่ยมลุงฉัตรจะเข้าไปในพื้นที่แบบนั้นทำไมกันครับ” ชายหนุ่มหันมาถาม
มรุตส่ายหน้า “พี่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพอได้เบาะแสตรงไหนก็ต้องวิ่งไปหาเผื่อว่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง”
“แล้วมันจะคุ้มกันหรือเปล่าครับกับอันตรายแบบนั้น”
“คุ้มหรือไม่คุ้มพี่ก็ไม่มีทางเลือก” สีหน้าเครียดน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ทุกคนต้องนิ่งยอมรับ “ปรายมาก็ดีแล้วพี่จะได้ฝากเจนนี่ด้วย”
ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวรุ่นพี่ จรัสไขแต่งกายตามสบายแต่ดูประณีต ผมทรงเรียบ มีคลิบเก๋ติดเป็นพุ่มทิ้งชายผมนิ่มๆ เป็นเงาสะบัดไปมา ใบหน้าสวยได้รับการตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงด้วยฝีมือที่เชี่ยวชาญของตัวเธอเอง
เธอหมุนแก้วไวน์ “พี่ไม่รู้จะตามไปทำไมก็เลยจะรอที่โรงแรม”
“ถ้าทางลำบากแล้วยังเสี่ยงกับระเบิด รุ่งก็ขอรอที่โรงแรมดีกว่า” รุ่งแสงว่า
ชายหนุ่มหันไปมองศรุตา ผู้ซึ่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่อย่างตั้งใจ เขาหันกลับมาหามรุต “ให้พวกผู้หญิงอยู่กันแล้วผมไปกับพี่มรุตก็ได้ครับ โรงแรมใหญ่อยู่ในเมืองแบบนี้คงไม่มีอันตรายอะไร ที่สำคัญเกาะกลุ่มกันไว้ก็แล้วกัน”
มรุตพยักหน้าไปทางหญิงสาว “ต้าบอกว่าจะไปด้วย”
“ต้าจะไปทำไม” ชายหนุ่มหันขวับถามเหมือนกีดกัน
ศรุตาเชิดหน้า “ก็จะไปละ”
“ไม่ใช่เรื่องสนุกนะต้า เป็นผู้หญิงยิงเรือจะไปที่กันดารอันตรายทำไม รู้จักไหมว่ากับระเบิดคืออะไร อันตรายแค่ไหน”
“ยังไม่รู้เพราะว่ายังไม่เคยเจอกับตัว”
“ดูพูดเข้าซิ” เสียงเขาเหมือนเอ็ด
“คุณปรายนั่นแหละไม่ต้องไป อยู่ดูแลสาวๆ ดีกว่า งานถนัดไม่ใช่หรือ”
เขามองเธออย่างเอือมระอา เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรก็ได้แต่ทำเสียงเครียดยื่นไม้ตาย “ถ้าจะไปก็ไปโทรศัพท์ขออนุญาตป้านิตย์กับคุณย่าก่อน”
“เรื่องอะไรต้องโทร…!”
“งั้นผมจะโทรเอง”
“บ้าเหรอ อยู่ๆ ก็จะให้แม่กับคุณย่ามาเป็นห่วง”
“งั้นก็ไม่ต้องไป…!”
“จะไป”
“เอ๊า ทะเลาะที่เมืองไทยไม่พอ ตามมาทะเลาะกันถึงที่นี่” รุ่งแสงร้องออกมา
ชายหนุ่มมองพี่ชายใหญ่ก็เห็นนั่งมองเงียบ ไม่คัดค้านเธอสักคำ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเลือกได้ มรุตคงเลือกศรุตา แทนที่จะเป็นเขา………