อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 18

“คุณปราย ต้าจะเต้นเพลงนี้กับพี่มรุต”

หญิงสาวต่อต้านอาการเกาะยึดอย่างเต็มที่    แต่ร่างใหญ่เต็มไปด้วยพละกำลังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความมึนเมาทำให้ดีกรีความดันทุรังเพิ่มสูง    มือเธอถูกคว้ายึดไว้ทั้งสองข้างดึงจนร่างบางซวดเซเข้าชิดอกหนา    ใบหน้ากร่ำประกายตากร้าวดึงดันของอีกฝ่าย   บอกให้รู้ว่าฝันของเธอคงยากจะเป็นจริงไปได้

“ปรายอยากเต้นกับต้า”

“ประเดี๋ยวค่อยเต้น    เพลงนี้ของพี่มรุต”

“พี่มรุตมาทีหลังทำไมจะได้เต้นก่อน”    เสียงถามพาลไม่เลิก

“เอ๊ะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้นะ”    เธอเสียงเขียวตอบสนอง

คนอื่นๆ หันมามองทำให้มรุตต้องรีบไกล่เกลี่ย   “ไม่เป็นไร    ถ้าปรายอยากเต้นเพลงนี้ ก็เต้นเถอะ   แล้วต้าค่อยเต้นกับพี่ทีหลังก็ได้”

‘ เทพบุตรในดวงใจ ’ ไม่รอให้เธอตอบโต้    ใบหน้าเจือยิ้มขรึม หลังไหล่ตั้งตรงปลีกตัวเลี่ยงไปจากการตกเป็นเป้าสายตา    ศรุตามองตาม ใจหายวาบ   หันมาตะโกนใส่อีกฝ่าย

“ปล่อยนะ.!!”

อาการสลัดผลักไสขุ่นเคืองเป็นที่สุด แต่ก็ไม่ใช่จะหลุดง่ายๆ    ปรายเปรมงุนงงไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงต่อต้านเขาขนาดนั้นจึงยังยึดมือไว้    ทว่าน้ำเสียงและสีหน้าท่าทีของเธอทำให้เขาต้องปล่อย

“เมาก็อยู่ส่วนเมา มายุ่งกับเค้าทำไม”

ร่างเล็กๆ หมุนตัววิ่งหนีขึ้นห้อง    อยากจะร้องไห้ดังๆ

อีกครู่ใหญ่โศภิตก็ตามเข้ามา    เจ้าของห้องนั่งหน้าง้ำทำให้เธอถามอ่อยๆ    “ทะเลาะอะไรกับคุณปราย    เห็นหน้าจ๋อยให้รุ่งแสงปลอบอยู่ข้างล่าง”

“หน้าจ๋อยให้ปลอบ…!   ชึ    น่าจะทุบแรงๆ ให้หายแค้นมากกว่า”

“มีเรื่องอะไรกันนักหนา…..”

“ก็ต้ากับพี่มรุตรอจะเต้นรำกันอยู่ตั้งนาน    พอเพลงขึ้นพี่มรุตก็เดินมาจับมือจะพาเต้น จู่ๆ อีตาปรายก็มาทำให้เสียเรื่อง”

“โห ทำให้เสียเรื่องเชียวหรือ    พูดยังกับว่าตัวเองกำลังจะจูงมือ ดร. มรุต เข้าหอยังงั้นแหละ”

“ฮื้อ โศไม่เข้าใจหรอก”    เธอฮึดฮัด

“แค่เต้นรำ เมื่อไหร่ๆ ก็เต้นได้    คุณปรายเอาใจต้ามาตั้งนาน    เรื่องแค่นี้ตามใจเขาบ้างไม่ได้หรือไง”

“แล้วต้องเป็นเวลานี้ด้วยนะ…!”

“ก็งานยังไม่เลิกซักหน่อย    คุณปรายอยากเต้นก็เต้นกับเค้าหน่อยเป็นไร ประเดี๋ยวค่อยเต้นกับด็อกเตอร์ก็ได้”

“แหม…    ก็มันไม่ได้น่ะ    คือว่าต้า…    เอ่อ   ต้าอธิษฐานไว้…”

“เอ๊า… อธิษฐานว่าไงอีกล่ะ”

“ก็…    ต้าขอให้คนที่จะเต้นรำด้วยเป็นคนแรกเป็นเนื้อคู่ของต้าอ่ะ…”    เธออ้อมแอ้ม

“ฮ้า…”    สีหน้าโศภิตเหมือนพิศวงเต็มที่ว่าทำไมเธอเป็นไปได้ขนาดนั้น

เสียงเล่าอ่อนอ่อย   “ตอนนั้นพี่มรุตบอกว่าประเดี๋ยวจะขอเพลงจังหวะสโลว์จะได้เต้นกับต้า    ต้าคิดว่าเต้นจังหวะสโลว์นี่มันใกล้ชิดนี่นา ยังไงๆ พี่มรุตคงต้องก้มลงมาสบตาแน่ๆ    เลยขึ้นห้องมาผัดหน้าทาปากซะหน่อย”   เธอค้อนรูปองค์อัปสราที่ยืนเอวอ่อนยิ้มให้ราวกับหวังดีกับเธอเป็นที่สุด   “รู้อย่างนี้ไม่อธิษฐานหรอก…..”

อีกฝ่ายหัวเราะแทบจะลงไปกลิ้งกับเตียง

“โธ่เอ๊ย   ยัยต้า    เธออธิษฐานขี้โกงจะมัดมือชกให้พี่มรุตเป็นเนื้อคู่อย่างนี้ได้ยังไง   แล้วเป็นไง   เทวดาไม่เข้าข้างคนขี้โกงเห็นไหม”

อีกฝ่ายทำปากยื่น    อดใจเสียไม่ได้    “ตกลงต้าไม่ใช่คู่ของพี่มรุตจริงๆ เหรอ”

“ตัดใจซะดีกว่ายัยต้า”

เธอจะร้องไห้เสียให้ได้

ยังไม่ทันจะรักกัน เธอก็อกหักเสียแล้ว…..


วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด   คุณเปี่ยมทำหน้าขรึมทักทายแล้วต่อว่าแต่เช้า    “เมื่อวานนี้เราแต่งตัวแบบนั้นได้ยังไง   บอกแม่ก่อนหรือเปล่า”

เมื่อก่อนเธอเคยต่อปากต่อคำหยอกเย้าคุณเปี่ยม    แต่หลังจากที่ได้เห็นอีกหน้าหนึ่งของพ่อเลี้ยงที่เธอเคยรักและไว้ใจ เธอก็ได้แต่หน้าเจื่อน

“แม่เห็นแล้วไม่ว่าอะไรค่ะ”

“ต้าแต่งแบบนั้นแล้วสวยดีนะคะ”    คุณนงนิตย์พูดยิ้มๆ

อีกฝ่ายเสียงเข้ม    “คุณอย่าให้ท้ายลูกนักเลย    กลัวว่าลูกจะไม่ใจแตกหรือยังไง”

คุณนงนิตย์เลยเงียบ    ศรุตาเองก็หน้าเสีย

“อย่าใส่ให้เห็นอีกนะ    ลุงไม่ชอบ    เป็นผู้หญิงควรแต่งตัวให้เรียบร้อย”

“ค่ะ”    เสียงตอบรับเจื่อนจาง……..


เธอพบร่างสูงที่ห้องข้างล่าง    กำลังใจเธอกลับมาเมื่อชายหนุ่มยิ้มให้   “เมื่อคืนหายไปไหน”

“ต้าง่วงก็เลยนอนค่ะ    เอ่อ… แล้วคุณเจนมาหรือเปล่าคะ”

“มา…    น่าเสียดายที่ไม่ได้พบต้า”

เธอก็เสียดาย    อยากรู้ว่าคุณเจนสวยน่ารักขนาดไหน    เป็นคู่รักกับเขาหรือว่าเป็นเพียงแค่เพื่อน

“งั้นเมื่อคืนพี่มรุตคงสนุกมากซิคะ”

“ไม่สนุก   ก็คนที่บอกจะเต้นรำด้วย กลับหนีไปนอนซะเฉยๆ” เสียงทุ้มๆ ตัดพ้อเจือหัวเราะทำให้หัวใจเธอพองโต


ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเมื่อน้องสาลี่ออกปากอยากไปเที่ยวสวนสนุก    คุณประไพที่คอยคุมเด็กหญิงอย่างเข้มงวดกลับไม่คัดค้านอย่างที่ศรุตาคาดเดาทำให้เธออดแปลกใจไม่ได้    ดร. มรุต พยักหน้ามาทางหญิงสาว    “น้องสาลี่ชวนพี่ต้าด้วยซิ”

“เอ่อ… อะไรนะคะ”

เด็กหญิงกระตือรือร้น    “พี่มรุตให้น้องสาลี่ชวนพี่ต้าค่ะ”

คุณเปี่ยมมองสีหน้ายิ้มๆ ของคุณฉัตร ด้วยความระแวงแคลงใจ    “แต่ว่าต้าต้องดูแลแม่นะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ    ให้เด็กๆ ไปเที่ยวกันเถอะ   ส่วนนายตุ้ยคงไปไม่ได้เพราะว่าเมื่อคืนนี้กินมากจนปวดท้อง”    คุณนงนิตย์ส่งเสริมทำให้สีหน้าคุณเปี่ยมเครียดแต่ก็ยังฝืนยิ้ม

“คุณลุงเปี่ยมให้พี่ต้าไปกับน้องสาลี่เถอะนะคะ”    เด็กหญิงออดอ้อนวิงวอน


ศรุตาจึงจูงน้องสาลี่และโศภิต ตามเทพบุตรในดวงใจของเธอออกจากบ้านอย่างร่าเริง ดังนั้นเมื่อปรายเปรมขับรถมาถึงจึงไม่พบคนที่ตั้งใจจะมาหา

เขาเดินเซื่องๆ มานั่งซึมข้างๆ คุณย่าผู้ซึ่งลูบผมหยิกยุ่งๆ ของหลานนอกไส้ตัวโตที่ท่านเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างผูกพัน

“เป็นยังไง ปราย    เมื่อคืนนี้มีเรื่องอะไรกัน”

“อะไรครับคุณย่า…..”    เขาหน้าเจื่อนถามเก้อๆ

“อย่ามาปิดย่าเลย    ถึงย่าหลับอยู่ในห้อง ก็มีคนมาเล่าให้ฟังแต่เช้าจนรู้เรื่องหมดแล้ว”

“ใครมาเล่าอะไรครับ”

ถามทั้งๆ ที่หลบหูหลบตา    รู้ตัวว่าเมาและหึงหวง   ก็ศรุตาปลื้มมรุตจนปิดไม่มิด    เขารู้สึกกดดันที่ชายหนุ่มผู้นั้นทำงานด้วยกันและยังได้เข้ามาอยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกับเธอ    ยิ่งกว่านั้นยังมีท่าทีว่าสนใจเธออีกด้วย

“ต้ามันโตเป็นสาวแล้ว    ไม่ใช่เพื่อนเล่นเพื่อนเกลอของปรายเหมือนเมื่อก่อน เรื่องของหัวใจนี่บังคับกันไม่ได้   ทำใจเถอะลูก”    คุณย่าพูดยังกับอ่านใจเขาออก    “ปรายเองก็เป็นหนุ่มหล่อ    หาแฟนจริงๆ จังๆ ซักทีซิ ย่าจะได้อุ้มเหลนก่อนตาย”

“คุณย่าก็…..”

รุ่งแสงหน้าใสตามเข้ามา    “พวกเขาไปเที่ยวกัน เราก็ไปกันบ้างดีไหมคุณปราย”

“นั่นซิ    ไปหาความสนุกสนานซะตั้งแต่ยังทำได้    อย่าเหมือนย่าที่ไม่เคยใช้ชีวิตวัยสาวเลย    แต่งงานตั้งแต่อายุน้อยๆ แล้วสามียังพาลูกติดมาให้เลี้ยง    แล้วย่าก็ทำแต่งานๆๆ มาตลอด    พอรู้ตัวอีกทีก็หมดโอกาสเที่ยวสนุกเสียแล้ว”

“รุ่งจะทำตามที่คุณย่าสอนค่ะ    จะสนุกให้เต็มที่    แล้วถ้าเกิดมีพ่อหม้ายลูกติดมาแนะนำตัวเอง    รุ่งจะหนีให้ไกลๆ ทันทีเลย”    เธอพูดพลางหัวเราะ

“ดีแล้ว    งั้นปรายจะรีบมีลูกเร็วๆ”    เขารีบปกป้องตัวเอง

อีกฝ่ายเสียงแจ๋วตอบโต้    “ถ้าเป็นลูกคุณปราย    กี่คนๆ รุ่งก็ยินดีเลี้ยงให้”

“หนุ่มๆ สาวๆ…..”    คุณย่ายิ้ม   ส่ายหน้าด้วยความปลื้มใจที่เห็นลูกหลานที่ท่านรักเอ็นดูเพราะเห็นมาแต่เล็กๆ รักใคร่ปรองดองกัน    ยิ่งกับปรายเปรม    ท่านอยากเห็นชายหนุ่มแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีเพื่อท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก


ความใกล้ชิดของ ดร. มรุต ทำให้ศรุตาเบิกบาน    หัวเราะเสียงใสประกายตาพริบพรายวับวาม    แช่มชื่นร่าเริงเหมือนนกน้อยไม่มีผิด

โอ้รักเอย    มันทำให้โลกสวยงามได้ถึงเพียงนี้เทียวหรือ…..

โศภิตมองค้อนๆ    ทั้งหมั่นไส้ทั้งอ่อนอกอ่อนใจแม่คนใจง่ายตกหลุมรักชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานคนนี้เสียจริงๆ

ชายหนุ่มเองก็จงใจพัวพันถึงเนื้อถึงตัว    คงเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตมากกว่าสิบปีเติบโตขึ้นที่เมืองนอกซึ่งมีวัฒนธรรมของการสัมผัส    พอสนิทกัน มือขาวใหญ่ได้รูปสวยก็ยื่นมาแตะต้องแขนบ้าง หลังไหล่บ้าง ของอีกฝ่ายอย่างไม่ขัดเขิน   เขาทำเป็นไม่เห็นเมื่อศรุตาหน้าแดง    แต่ครั้นเขาเผลอตัวหยุดมองหน้าเธอนานๆ พอรู้ตัวก็จะกลบเกลื่อนว่า

“แดดร้อนจนหน้าแดงกันเป็นแถวแล้ว”

เขาตามเอื้อเงาร่มให้เธอ ใกล้ชิดจนเธอรู้สึกอบอุ่นวูบวาบ    บางครั้งพัดโบก ลมเย็นๆ ให้    ใบหน้าเจือยิ้ม    ดวงตาคมส่งประกายผิดจากชายหนุ่มเคร่งขรึมคนเดิมที่เคยมองคนอื่นๆ เหมือนไม่ไว้ใจใคร่จะอ่านให้ทะลุ


ศรุตาอารมณ์ดีจนลืมขุ่นเคืองคนที่โทรศัพท์มาหา    เสียงตอบรับแจ่มใส    “คุณปราย…    ฮัลโหล…..”

“กำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน”

เธอเอ่ยชื่อสวนสนุก    “น้องสาลี่อยากมาเที่ยว”

“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”

“ยังไม่รู้เลย    ทำไมเหรอ”

“รุ่งจะไปซื้อของ    ขอให้ผมไปช่วยถือ”

“ก็ไปซิ”

“วันนี้จะเจอกันหรือเปล่า    ทานข้าวเย็นด้วยกันมั้ย”

เสียงตอนท้ายพร่าเพราะถูกรบกวน    ศรุตากดโทรศัพท์แนบกับหู “อะไรนะ    ไม่ค่อยได้ยินเลยคุณปราย…..”


ดร. มรุต หันมามองยิ้มๆ อยู่นานแล้วขณะที่น้องสาลี่ก็รอจะเล่นเครื่องเล่น   ศรุตาจึงส่งโทรศัพท์ให้โศภิตพูดต่อวิ่งไปหาแล้วลืมสนใจคนทางปลายสายไปเลย

โศภิตพูดอยู่ชั่วครู่ก็นำโทรศัพท์มาส่งคืน

“คุณปรายเค้าน้อยใจเธอแล้วยัยต้า”

“อะไรอีกล่ะ แหม…..”    เสียงร้องอ่อนใจ   “ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณหนูปรายเกิดจะมาเรื่องมากอะไรกันนักหนาตอนนี้”

“คนกำลังมีความรักก็อารมณ์เปราะบางอย่างนี้แหละ”

เธอไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าเพื่อนพูดเล่น    “เค้าจะเอาอะไรเหรอ”

“ถ้าเค้าจะเอาอะไรคงไม่บอกโศหรอก เพราะว่าไม่ได้จะเอากับโศ”

“อย่าบ้าน่า…..”

“ก็จริงนี่    ต้าโทรกลับไปถามดูสิ ว่าเค้าจะเอาอะไร”

“ไม่เอา    ขืนโทรไปก็เรื่องมากอีก    น่าปวดหัวจริงๆ”

ดร. มรุต    หันมาถามยิ้มๆ    “อะไรกันครับ”

“เปล่าค่ะ”    คนตอบยิ้มหวาน    แล้วก็วางความสนใจคนที่เพิ่งตัดสายโทรศัพท์ไว้ตรงนั้นเอง


นอกสายตาของคุณประไพ น้องสาลี่ดูจะเบิกบานสนุกสนานเป็นคนละคน มือเล็กๆ คอยเกี่ยวมือศรุตาและมรุตราวกลัวจะคลาดหาย    เสียงหัวเราะแจ่มใสชวนพูดคุย แต่พอถึงบ้านเธอก็กลับไม่มั่นใจในตัวเองเช่นเคย

พวกผู้ใหญ่กำลังรวมกลุ่มพูดคุยกันอยู่ในห้องของคุณย่าเหมือนสมัครสมานรักใคร่ปรองดองนักหนา    ศรุตามองหน้าทั้งคุณฉัตรกับคุณประไพ และคุณเปี่ยมกับคุณสมฉวีไม่สนิท เรื่องที่แอบได้ยินจากทั้งสองฝ่ายพูดกันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดตะขิดตะขวงใจ   ไม่อยากร่วมวงด้วยจึงรีบปลีกตัวหนี    ใบหน้าซึ่งถูกแดดลมจนเป็นสีจัดขึ้นของเด็กหญิงทำให้คุณอัปสรทักด้วยความรักเอ็นดู

“ไปเที่ยวไหนมาสนุกไหม สาลี่    เที่ยวเผื่อยายหรือเปล่า”

เด็กหญิงหลบตาคุณประไพผู้ซึ่งยิ้มแต่จับมองอยู่ด้วยสายตาเข้มงวด    เสียงตอบเบา ยื่นถุงสวยเล็กๆ ให้

“สนุกค่ะ    น้องสาลี่ซื้อขนมมาฝากคุณยายด้วย”

“ขนมอะไร    ยายจะกินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะมีรายการของต้องห้ามเยอะแยะ”

“พี่ต้าบอกว่าคุณยายทานได้ค่ะ”

พอคุณอัปสรเห็นว่าเป็นอะไรก็ร้องว่า    “โอ๊ ของโปรดของยายด้วยซิ    ไม่ได้ทานนานแล้ว    สาลี่น่ารักจริงๆ”   แล้วดึงเด็กหญิงเข้าไปกอดไว้

แม้ผู้ปกครองจะทั้งขู่ทั้งปลอบบอกเธอเสมอว่า    ‘ อย่าดื้อกับคุณยายเป็นอันขาดเชียวนะ ต้องทำตัวให้คุณยายรักมากๆ เข้าใจไหม ’    เด็กหญิงก็ซุกตัวกับอกของอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ฝืนใจเสแสร้งแม้แต่น้อย    สีหน้าปลื้มปิติของหญิงสูงวัยทำให้คุณเปี่ยมและคุณสมฉวีต้องซ่อนสีหน้าเครียดขณะที่คุณฉัตรและคุณประไพยิ้มกว้างเหมือนเห็นชัยชนะรออยู่ตรงหน้า


คุณเปี่ยมและคุณสมฉวี    มีเรื่องซุบซิบปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดอีกหลายหนจนถึงวันที่คุณเปี่ยมเดินทาง…….



จบบทที่ 18