อัปสรา

>> ม.ล. กุลรัตน์ เทวกุล

อัปสรา

บทที่ 25

คนที่เมาอาละวาด    ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีพาร่างสูงใหญ่ไปวิ่งออกกำลังอย่างที่ชอบทำ    ศรุตา หายโกรธแล้วกลับใยดีความรู้สึกของเขาขึ้นมาจึงตั้งใจว่าจะพูดดีๆ ด้วย    ร่างหนาที่กลับเข้ามาชุ่มด้วยเหงื่อทำให้เสื้อยืดบางแนบลำตัว เธอขยับจะพูดด้วย แต่อีกฝ่ายเดินผ่านไปไม่พูดไม่จา ถอดเสื้อพลางเดินเข้าห้อง

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ    รุ่งแสงก็มาเรียก

“ปราย    ไปขับรถเที่ยวกัน”

ชายหนุ่มไม่อิดออด    ชำเลืองมองเธอนิดเดียวก็เดินผ่านออกประตูหน้าบ้าน    ศรุตาที่รอจะคุยด้วยก็เลยรู้สึกเก้อๆ    ถามตัวเองว่าจะต้องไปสนใจทำไม    แล้วยังไงๆ เขาก็ต้องมาตามง้อเธออย่างที่เคยทำตลอดมา

ใจเธออ่อนวูบๆ เมื่อนึกว่าตั้งแต่คบกันมา เขายอมเธอมาตลอด    แม้จะมีเถียงกันบ้างแต่ที่สุดเขาก็จะเป็นฝ่ายตามง้อ

คนทั้งสองหายไปนาน    คุณฉัตรบอกกำหนดการณ์แต่เช้าแล้วว่า “กลางวันนี้ไปทานอาหารทะเลสดๆ กันดีกว่า”    ศรุตาเหลียวหาจนใกล้เวลาออกจากบ้านก็ยังไม่เห็นชายหนุ่มกลับมาจึงอดบ่นไม่ได้

“ไปกันถึงไหนนะ    จนป่านนี้แล้วยังไม่กลับ”

โศภิตเองก็รออยู่จึงเร่งเร้า    “โทรศัพท์ไปตามซิ”

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์แล้วก็เปลี่ยนใจ    “ไม่เอาหรอก    เรื่องอะไรจะต้องตาม    ไปเองก็มาเองซิ”

“แหม    อุตส่าห์มาเที่ยวด้วยกันทั้งทีนะ ต้า”

“เขาก็อาจจะพูดอย่างโศ    อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งทีเลยถือโอกาสไปกันแค่สองต่อสอง”

“เขาชอบกันเหรอ”

“คงงั้นมั้ง”    เธอยกไหล่ทำทีเหมือนไม่ใส่ใจ    หากพอนึกถึงเมื่อคืนนี้ก็อดใจเต้นแรงไม่ได้    เขาคิดจะจูบเธอจริงๆ หรือ    เอ    ก็ถ้าเขาจูบเธอจริงๆ แล้วต่อไปจะมองหน้ากันยังไง

ตาปรายบ้า    ตั้งแต่ออกจากบ้านไปอยู่หอพักนักศึกษาแล้วย้ายมาเช่าคอนโดฯ ตามลำพังหลังจากเรียนจบ   ชักจะป่าเถื่อนขึ้นทุกทีแล้ว……..


เพราะปรายเปรมขับรถออกไปกับรุ่งแสง    ศรุตา    โศภิตและนายตุ้ยจึงต้องมานั่งรถของอัสนีย์โดยที่มีคุณสมฉวีนั่งคู่ข้างหน้า คุณสมฉวีชำนาญพื้นที่จึงเป็นคนเลือกร้านอาหาร    เธอบอกตำแหน่งที่ตั้งร้านที่นัดหมาย แต่เพราะว่าเธอช้า รถคันใหญ่จึงเลื่อนออกไปก่อน

“ขอโทษที่ทำให้รอนะจ๊ะ    เด็กๆ”

“ตุ้ยหิวแล้วครับอาหวี”    น้องชายเธอออด

ศรุตาที่นั่งอยู่ตรงกลางที่เบาะหลัง กระแทกแขนน้องชายเบาๆ    “รู้จักทนหิวได้แล้ว    จะได้ไม่ต้องเป็นหนุ่มอ้วน”

“อ้วนแล้วเป็นยังไงไม่ทราบ”    โศภิตหันมาค้อน

“สาวอ้วนน่ารัก    แต่หนุ่มอ้วนน่าเกลียดจ้ะ”    เธอรีบแก้

อัสนีย์ไม่แพรวพราวหยอกเย้าอย่างเคย    ดูเขาเครียดขรึมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัวมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แล้ว    และจนบัดนี้หลังจากนอนค้างคืนแรกก็ยังไม่เข้ามาคลุกคลีอย่างที่ศรุตานึกกลัว

คุณสมฉวีทำท่าค้นกระเป๋ากุกกักแล้วก็ร้องว่า

“อ้าว    อาลืมกุญแจซะแล้ว    อัสไปเอามาหน่อย”

อัสนีย์ไม่ขยับตัว   สีหน้าเจื่อนจาง    แต่หนุ่มน้อยและสาวๆ ที่นั่งกระแทกเย้าแหย่กันอยู่ข้างหลังไม่ได้สนใจ

คุณสมฉวีต้องทำหน้าขึง    กระซิบไล่ดุๆ    “ไปซิ”

ร่างสูงจึงเปิดประตูรถก้าวออกไป    ครู่ใหญ่ก็กลับมาด้วย สีหน้าเผือดเหมือนคนไม่สบาย    อีกฝ่ายกระซิบถาม    “เรียบร้อยไหม”

“ครับ”

“รีบไปกันได้แล้ว”    เธอเร่ง

รถเคลื่อนออกจากที่    คนที่นั่งในเบาะหลังทั้งสามไม่ได้เฉลียวใจแม้สักนิดว่า อีกฝ่ายไม่ได้ถือกุญแจมาให้คนที่บอกว่าลืม    ทั้งยังสีหน้าเผือด    ทำท่าเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

พอถูกถามว่า    “ทำไมพี่อัสเงียบจัง”    เขาก็อ้ำอึ้ง    คุณสมฉวีต้องตอบแทนว่า

“อัสเขาเป็นห่วงงาน    นี่ก็บอกว่าจะหนีกลับก่อน”

โศภิตกลัวว่าจะต้องไปเบียดกันในรถคันอื่นรีบถามว่า    “งั้นรถก็ไม่พอนั่งสิคะ”

“พอซิ    เขาจะนั่งรถทัวร์กลับไปทิ้งรถไว้ให้พวกเราใช้”

ศรุตาพูดว่า    “เลยอดสนุกเลยเนอะพี่อัสเนอะ”

เขาพยักรับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ


รุ่งแสงกลับเบิกบานใจขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ออกจะเงียบขรึม    ปรายเปรมพารถมุ่งหน้าไปยังที่ที่เธอเอ่ยปากอย่างว่าง่าย    แต่ในใจกลับคิดถึงใบหน้าใสๆ   เสียงหัวเราะหัวใคร่พูดคุยเจื้อยแจ้วของคนที่เคยเป็น ‘คู่หู’

ใครๆ ก็รู้ว่าเธอหลงใหลมรุตมาแต่แรก    ตอนนี้เมื่อฝ่ายนั้นใกล้ชิดเอาอกเอาใจเธอจึงลืมเขาไปเลย

เขาน้อยใจและหึงหวง    แต่ดูเหมือนเธอไม่รับไม่รู้ความรู้สึกของเขา

มือนุ่มๆ   ยื่นมาลูบไล้ใบหน้าคล้ำๆ สากเครา    รุ่งแสงพูดเจือหัวเราะ    “ยิ้มหน่อยซิ ปราย   มาเที่ยวกับสาวทำไมทำหน้าทำตาแบบนี้”

ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีไปนิดหนึ่ง   “ต้องทำหน้ายังไงเหรอ”

“อะไร    หวงเนื้อหวงตัวจับหน่อยก็ไม่ได้”    เธอต่อว่า

“จับมากเดี๋ยวหลง”

“ใครจะหลงใคร”

“ผมกลัวว่าจะหลงทาง”

“หลงทางก็หลงด้วยกันไม่เป็นไรหรอก   อยู่กับปรายแล้วจะยังไงรุ่งก็ยอมทั้งนั้น”    อีกฝ่ายทีเล่นทีจริงอยู่ในน้ำเสียง    ถ้าปรายเปรมจริงจังคงเกิดอะไรบางอย่างขึ้นนานแล้ว    นี่เพราะเขาถือว่าเป็นทีเล่น    สาวสวยที่พอใจเขาอย่างออกนอกหน้าจึงยังเข้าไม่ถึงขอบเขตที่เธอต้องการสักที

พอได้ยินเสียงโทรศัพท์เขาก็ตะครุบมันขึ้นมา    ครั้นเห็นหมายเลขโทรเข้า   สีหน้าก็ขรึมลงอย่างผิดหวัง    น้ำเสียงพูดตอบโต้ไม่แจ่มใส

“เรื่องงาน…….”

“ทำไมไม่โทรไปหาเค้าซะเองล่ะ”    เธอแกล้งถามเมื่อเห็นชายหนุ่มพูดและตัดสายด้วยอาการสุดจะเซ็งหลายครั้ง

“โทรไปหาใคร”

“ใครก็ตามที่ปรายอยากให้โทรมา”

ชายหนุ่มยกไหล่    “ผมไม่ได้อยากให้ใครโทรมา”

“ปากแข็ง”    เธอว่า

เธออ้อยอิ่งเถลไถลดึงให้เขาอยู่ด้วยจนบ่าย…….


ข้างศรุตาก็หน้าบานไม่หาย    พอกลับมาถึงบ้านปล่อยให้พวกผู้ใหญ่แยกกันเข้าห้องพักผ่อน    เด็กๆ ก็จับกลุ่มพูดคุยร้องเพลง   ถ้าเป็นเพลงฝรั่งน้องสาลี่ก็อิงแอบร้องด้วย    และถ้าเป็นเพลงไทยเด็กหญิงก็มองตาแป๋วอย่างสนใจเพราะบางเพลงเธอก็ไม่เคยได้ฟังมาก่อน

…อยากจาร๊องงงงง    ดังๆ…..    พอถึงช่วงที่เนื้อเพลงซ้ำๆ เธอก็ผสานเสียงด้วย    สารัตถ์ รู้ทัน    “สาลี่ก็ร้องได้แค่นี้แหละ”

“อีกหน่อยสาลี่จะร้องทั้งเพลง”

“โอย    อย่างนั้นต้องเตรียมหาอะไรไว้อุดหูแล้ว    อยากจะร้องดังๆ ซะด้วย”

พอถึงเพลงจังหวะกระแทกกระทั้น    โศภิตก็ลุกขึ้นเต้น    เธออ้วนแต่เต้นได้สวย    นายตุ้ยและสาลี่จึงลุกขึ้นเต้นตาม

“เต้นกับเค้าบ้างซิต้า”    มรุตเชียร์ยิ้มๆ

“พี่มรุตเต้นก่อนซิ”

โศภิตตรงเข้ามาดึงแขน    “ต้า    มาน่า    เต้นกับน้องสาลี่”

“ไม่เอ๊า…..”

กำลังดึงๆ ลากๆ กัน    แล้วทุกคนก็ต้องตกใจเพราะเสียงกรีดร้องโวยวายของคุณนก ดังลั่นออกมาจากห้องคุณย่า    ไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำแต่ทุกคนถลันตามกันแทบจะชนกับคุณฉัตรและคุณประไพที่พักอยู่ห้องข้างๆ    พุ่งผ่านประตูเล็กๆ เข้าไปข้างในโดยไม่รั้งรอ

ภาพที่เห็นทำให้คุณฉัตรต้องชะงักหน้าซีดและคนอื่นๆ ได้แต่ยืนนิ่ง    คุณย่ายืนอยู่ข้างเตียงมีคุณนกยืนประคองตัวสั่นด้วยกันทั้งคู่    ที่พื้นห้องตรงระหว่างกลางคืองูพิษตัวใหญ่ที่กำลังชูหัวขึ้นอย่างพร้อมจะฉกกัดทุกเมื่อ

“ช่วยด้วยยยยยย…..”    คุณนกครางโหยหวน

“คุณนก เฉยๆ ไว้ อย่าขยับเป็นอันขาดเชียวนะ” คุณฉัตรเสียงสั่น

เจ้างูร้ายชูหัวขึ้นสูง    หันมาเพียงนิดเดียวแต่คล้ายดวงตาวาววับที่มุมมองของแต่ละคนทำให้มองเห็นเพียงข้างเดียวของมันจะมองเห็นทุกคนในห้อง ศรุตาเพิ่งรู้ตัวว่ายืนอยู่ในแถวหน้า ใกล้เจ้าตัวที่มีเกล็ดลายสวยเป็นมันวับมากที่สุด

“ทุกคนอย่าขยับนะครับ”    เสียงมรุตเครียดขรึม

“แล้ว….. แล้วเราจะทำยังไงกันดี…..” คุณประไพกระซิบถามเสียงสะท้าน

“เฉยๆ ไว้ก่อน…..”   คุณฉัตรให้คำตอบ

คนและงูจับจ้องกวาดตาคุมเชิงกัน…    “แต่นกยืนไม่ไหวแล้วค่ะ”    คุณนกพึมพำแล้วทรุดฮวบ

การเคลื่อนไหวทำให้เจ้าตัวร้ายดีดตัวเข้าใส่คุณย่าที่ยืนอยู่เยื้องมาข้างหน้าทันที แล้วก่อนที่เขี้ยวแหลมที่เต็มไปด้วยพิษร้ายจะถึงตัวคุณย่า    มือบางๆ ของศรุตาก็พุ่งวาบจับหมับเข้าที่ลำคอของมัน

“กรี๊ดดด……”    ทุกคนส่งเสียง    รวมทั้งตัวเจ้าของมือเองด้วย

“ต้า..!”

“ต้า..จับไว้ๆ    อย่าปล่อยนะ”

“กรี๊ดดด…..    ไม่เอาๆ”    เธอโวยวายแต่มือกำแน่นยื่นออกไปจนสุดแขน    งูใหญ่เรี่ยวแรงมหาศาลบิดตัวต่อสู้แต่คล้ายจะสิ้นฤทธิ์อยู่ในมือบางๆ

ไม่มีใครรู้ว่าองค์อรดีจับมือนั้นไว้แน่น

“อย่าปล่อยนะ    ไม่งั้นมันจะกัดเธอ”    เสียงสั่งราบเรื่อยไม่มีอารมณ์ร่วม    ผิดกับหญิงสาวที่กรีดร้องลั่นๆ

“ไม่เอาๆ   เอามันไปที…..”

อีกฝ่ายปรามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยตามเดิม    “ใจเย็นๆ อย่าตกใจซิ ศรุตา…..”

“ว้ายยย กรี๊ดๆ”    เธอไม่หยุดส่งเสียง

เสียงกรีดร้องดังไปถึงลานหน้าบ้านซึ่งรถคันเก่าเพิ่งเข้ามาจอด แล้วร่างสูงใหญ่ก็โผเข้าประตูมา ตามด้วยร่างบางๆ ของรุ่งแสง    ภาพที่เห็นทำให้หยุดชะงักไปด้วยกันทั้งคู่    ในสีหน้าที่เครียดขรึมลง    เขาก้าวผ่านคนอื่นๆ เข้ามาหาเธอ

“ต้า ใจเย็นๆ”    เสียงเรียกเคร่งเครียด

“คุณปราย…    ช่วยต้าด้วยยย…..”

ชายหนุ่มมองตาเจ้าเขี้ยวพิษด้วยสีหน้าเครียดขรึม    เห็นมือบางเกร็งจนข้อนิ้วขาวซีด จับตรงพอดีตำแหน่ง    ถ้าจับสูงหรือต่ำกว่านั้นก็มีหวังโดนเขี้ยวพิษฉกกัดฝังฝากพิษร้ายให้ถึงตายเอาได้

“อย่าเพิ่งปล่อยนะ”    เสียงสั่งเครียด   ทุกคนลืมหายใจเมื่อมือใหญ่ยื่นออกไปบีบหัวเจ้างูร้ายไว้    หากมันพลิกตัวหลุด    เขาคงเป็นคนแรกที่รับรู้พิษเขี้ยว

“เอาละ    ปล่อยได้แล้ว”    พอมือเล็กๆ เลื่อนหลุด    อีกมือหนึ่งของเขาก็ฉวยหมับแทนที่

ศรุตาทรุดเซลง ถังใหญ่ถูกลากเข้ามาพอดี    พอเจ้าตัวดีถูกปล่อยลง    ฝาถังก็ถูกปิดอย่างรวดเร็ว    ใครๆ ประคองคุณย่าไปที่เตียง    มรุตปราดเข้าไปหาหญิงสาว    จับมือที่ยังเกร็งไม่คลายของเธอขึ้นมาดู

“เป็นยังไงบ้างต้า    เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่เจ็บค่ะ”    เธอพึมพำ สีหน้าซีดเผือด

หนุ่มใหญ่บีบนวดมือบางทั้งยังทำท่าประคับประคองปลุกปลอบ    ปรายเปรมจ้องมอง เห็นเธอปล่อยให้ฝ่ายนั้นประคับประคองบีบนวด

ทำเหมือนลืมไปว่าเขาก็อยู่ในห้อง.…..……



จบบทที่ 25