สุภาว์ ราชินีเรื่องสั้น | |
7 | ทายาทของยายพลอย |
15 | พรานติดแร้ว |
16 | วจีกรรม |
22 | กรรม |
28 | ในฝัน |
29 | แท้กซี่ |
30 | ยายบัว |
31 | ระหว่างกากับหงส์ |
34 | กรรมของสัตว์ |
35 | ชบาแดง |
36 | แดงเพลิง |
38 | เรื่องรักๆ |
39 | เคียงขวัญ |
40 | ผู้พิทักษ์ |
41 | ห้องดำ |
42 | เมืองคนโม้ |
43 | พระเอกของธารี |
44 | เพราะฉันรักเธอ |
45 | กำไล |
50 | กรรมใดใครก่อ |
หน้าที่
1/3 |
รถยนต์แบบสปอร์ต รูปหยดน้ำตา สีน้ำเงินอ่อน ค่อยๆ คลานเข้าเทียบบันไดบังกะโลแสนสวย ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินนั้น อย่างนิ่มนวลและสง่าผ่าเผย หญิงสาวที่นั่งอยู่ ณ ชายหาดทรายเบื้องล่าง ทอดสายตามองดูดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงต้องกับคันรถ เกิดเป็นประกายระยิบระยับน่าดูพลางถอนใจยาว เธอรู้ดีว่าใครคือผู้ขับรถคันนั้น เขาเป็นชายหนุ่ม รูปงามชนิดที่ผู้หญิงมักชอบวาดภาพไว้ในความฝันของตน ผมของเขาดกดำหยักศกน้อยๆ ผิวคล้ำ รูปร่างล่ำสันสูงสง่า และท้ายที่สุด คือมีนัยน์ตาฝัน!
ทุกๆ วันที่เธอมานั่งอยู่ ณ ที่นี้ เธอเคยหวังไว้ว่าจะได้เห็นเขาเดินลงมาจากบ้านบนเนินนั้น ตรงมาที่ชายหาดและยิ้มกับเธอแล้วก็ทักว่า
“สวัสดีครับ คุณเป็นเพื่อนบ้านกับผมใช่ไหม” หรืออะไรก็ได้ทำนองนั้น ขอแต่ให้มันเป็นเพียงสะพานที่จะโยงเชื่อมเธอและเขาให้ถึงกันเท่านั้นเอง ถึงแม้สะพานจะเล็ก จะเปราะ จะบอบบางสักเพียงไรเธอก็ไม่ว่า เพราะเธอตั้งใจแล้วว่าเธอจะเป็นผู้ต่อเติมเสริมสร้าง ความมั่นคงแข็งแรงให้แก่สะพานนั้น ด้วยมือของเธอเอง ขอแต่ให้ใครสักคนช่วยทอดไม้กระดานแผ่นแรกให้เท่านั้น
แต่อนิจจาเอ๋ย ความหวังของเธอจะสัมฤทธิ์ผลขึ้นมาแม้สักน้อยนิดก็หาไม่ หลายสิบครั้งที่เธอเฝ้ามองรถดูรถยนต์สีน้ำเงิน งามคันนั้นแล่นเข้าเทียบบันไดบ้าน และมากกว่าสิบครั้ง ที่เธอเฝ้าดูเขาเดินลงมาจากเนินนั้นสู่หาด เขาจะได้เหลือบชำเลืองมาทางเธอบ้างแม้สักน้อยนิดก็หามิได้ เขาทำกิริยาประดุจว่าเธอมิได้เป็นหญิงสาวสวย หากเป็นเพียงเปลือกหอยเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ฝังจมค้างหาดอยู่เช่นนั้น......
ชลาถอนใจเฮือกใหญ่ขณะที่วางกระดาษ ซึ่งมีรอยเขียนค้างไว้บนโต๊ะ ขณะที่เธอมองออกไปนอกหน้าต่างนั้น รถยนต์สปอร์ตหรูหยดน้ำตาสีน้ำเงินงามก็ผ่านเข้ามาในสายตาของเธอ และเคลื่อนช้าๆ อย่างสง่างามไปทางบังกะโลบนเนินนั้นทันที
ชลาเดินออกมาที่ระเบียงหน้าบ้าน โน่น..ที่หาดเบื้องล่าง... พี่สาวของเธอนอนพังพาบอยู่บนผ้าใบใต้ร่มคันใหญ่ ชลามองเห็นเสื้อผ้าชุดสีเหลืองนกขมิ้นที่พี่สาวของเธอ สวมทาบอยู่บนสีกรมท่าของผืนผ้าใบได้ชัด
น่าสงสารพี่ธารี ชลาลงนั่งกอดเข่าอยู่ตรงหัวบันไดพลางคิด อยากเห็นนักว่ารูปร่างหน้าตาเจ้าของรถคันงามหรูนั้นเป็นอย่างไร เหมือนดังที่ธารีพร่ำพรรณนาเอาไว้นั้นทุกประการหรือไม่ ถ้าเหมือนก็น่าเห็นใจธารีอยู่ไม่น้อย
แต่แปลกใจเหลือเกิน ธารีออกเป็นสาวสวย จะไม่เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจผู้ชายคนนั้นบ้างเที่ยวหรือ ชลาลองคิดดู ว่า ถ้าเธอเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ถ้าได้พบกับผู้หญิงสาวสวยอย่างพี่สาวของเธอนั้นทุกวันเธอควรจะรู้สึกอย่างไร และน่าจะทำอะไรบ้าง อ๋อ... คงจะต้องยิ้มด้วย... อย่างน้อยก็ต้องยิ้มให้ โธ่ พบกันที่หาดทรายชายทะเลนี่นะ ยิ้มให้กันง่ายออกจะตายไป แนบเนียนดีเสียด้วยซ้ำ แต่ เออ ผู้ชายคนนี้ก็เผอิญเป็นคนรูปหล่อเสียด้วยซี บางทีผู้ชายที่หล่อเหลามากๆ เขาอาจจะมีความคิดผิดกับผู้ชายธรรมดาๆ กระมัง
“นั่นนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ทำไม ยายชลา” คุณป้าผู้ปกครองของธารีและชลาทั้งที่นี่แหละที่กรุงเทพฯ เดินมานั่งหย่อนกายลงนั่งแผละลงบนเก้าอี้สานด้วยพลาสติก น้ำหนักกายของคุณป้า ทำให้เส้นพลาสติกที่รองรับอยู่นั้นยุบฮวบลงไปอย่างน่าใจหาย จนชลาออกเสียวไส้ว่าเมื่อท่านลุกขึ้นแล้วมันคงจะไม่ยอมหดตัวขึ้นมาตามเดิมเป็นแน่ ใครนะอุตริออกความคิดให้จัดหาเก้าอี้อย่างนี้มาไว้ในบ้านที่เจ้าของบ้านมีน้ำหนักตัวไม่ต่ำกว่าแปดสิบกิโลกรัมเช่นนี้
“นั่งคิดอะไรเล่นเพลินๆ ค่ะ”
ชลาตอบคุณป้า ลุกไปนั่งลงใกล้ๆ เกือบชิดหัวเข่า บางทีคุณป้าอาจจะรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับผู้ชายเจ้าของรถสวยคันนั้นบ้างกระมัง เพราะคุณป้ามาอยู่ที่นี่ตั้งเดือนหนึ่งแล้วกับธารี ตามคำแนะนำของหมอ ชลาสิเพิ่งจะมาถึงเมื่อวานนี้ เพราะต้องรอให้สอบไล่เสร็จเสียก่อน ตั้งเดือนหนึ่ง อาจจะเกิดอะไรต่ออะไรได้มากมายนัก
อย่างน้อยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คือธารีพี่สาวของเธอ กำลังพะวงหลงใฝ่ฝันถึงนายหนุ่มคนนั้นเสียจนกระทั่งต้องรำพันรำพึงลงบนแผ่นกระดาษ
“อ้อ ก็ของคุณหญิงจำรัสเขาไงล่ะ เขาซื้อที่ไว้นานแล้ว แต่เพิ่งจะมาปลูกสร้างกันเมื่อปีที่แล้วนี่เอง คุณหญิงจำรัส เพื่อนของป้าที่บ้านของเขาอยู่ติดกับบ้านของเราน่ะ ที่ที่นี่เขาก็ซื้อพร้อมๆ กันกับป้า จากเจ้าของคนเดียวกันแล้วมาแบ่งโฉนดเอา แต่ป้าไม่ได้ซื้อไว้เยอะแยะอย่างเขาหรอก นั่นเขามีเงิน ที่มาปลูกบ้านนี่ก็จะเอาไว้ให้ลูกชายพาเพื่อนฝูงมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกัน ลูกชายเขาแกก็เคยรู้จักนี่นา พ่อธันว์น่ะ เมื่อก่อนนี้ฉันยังเคยเห็นแกปีนรั้วไปขโมยชมพู่บ้านเขากินบ่อยๆ”
คุยกับคุณป้าละได้ผลดีอย่างนี้ เล็งศูนย์ปืนให้ดีๆ แล้วลั่นไกออกไป บางทีก็ได้นกทั้งฝูง แต่ต้องระวังอยู่เหมือนกัน บางทีเจอเอาฝูงใหญ่ตกลงมาเต็มแผ่นดินไปหมด เก็บเท่าไรก็ไม่หมดเอาง่ายๆ บางทีถึงกับหลับไปเลยก็ยังเคยมี
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเจ้าชายในฝันของธารีก็มิใช่ใครที่ไหน ที่แท้ก็คือเพื่อนบ้านเก่าแก่เคยรู้จักกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วนั่นเอง เมื่อจากกันตอนที่เขาไปเมืองนอกนั้น ดูเหมือนเขาจะโตมากแล้ว เพราะเขาแก่กว่าเธอตั้งแปดปี ตอนนั้นเธออายุแปดขวบเท่านั้น แล้วก็ความจำเลวเสียด้วยซี นึกไม่ออกเอาเสียเลยว่าเมื่อสิบปีก่อนนั้นลูกชายคุณหญิงจำรัสหน้าตาเป็นอย่างไร จำได้ว่าตัวดำๆ สูงโย่งๆ แข้งขาเก้งก้างเกะกะขวางตาพิกลไม่น่าดูเอาเสียเลย เวลาสิบปีที่ผ่านไปที่คงจะเปลี่ยนเขาไปมาก แต่ที่เปลี่ยนไปแน่ๆ นั้นก็คือว่าเขาจำธารีไม่ได้ เขาน่าจะจำธารีได้ซี ในเมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กอยู่นั้น ธารีเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยงามอย่างน่าพิศวงและว่าง่าย อ่อนหวานและคอยติดตามเขาอยู่ต้อยๆ ผิดกับเธอ ธันว์ยังเคยเอามือจับผมที่ยาวและอ่อนนุ่ม ราวกับกลุ่มไหมสีน้ำตาลแก่ของธารีเล่น แล้วบอกว่า
“ธารีนี่โตขึ้นจะต้องสวยงามเหมือนอย่างเจ้าหญิงในเทพนิยายแน่ๆ”
“แล้วเค้าล่ะ จะเหมือนอะไร” ชลาถามเขา และธันว์ก็หันมาเอื้อมมือยาวๆ ของเขาออกมาขยี้หัว ที่ไว้ผมสั้นเกือบเหมือนเด็กผู้ชายของเธอ แล้วบอกว่า
“เหมือนแม่มดน่ะซี ไม่ต้องหาไม้กวาดมาขี่หรอก ผมแข็งยังกับไม้กวาดอยู่แล้ว”
“เออ ดี ดี” ชลาร้องออกไปอย่างนั้น “เป็นเจ้าหญิงสวยๆ ไม่เห็นดีเลย ประเดี๋ยวก็ถูกคนนั้น คนนี้จับขังบ้าง มีแต่คนคอยอิจฉาบ้าง สู้เป็นแม่มดไม่ได้ เราจะเนรมิตบ้านทำด้วยลูกกวาดช้อกโกแลตไว้กินให้หลังเบ้อเริ่มเลย”
โถ น่าสงสารธารี เสียแรงเมื่อก่อนนี้สมัครเป็นลูกน้องผู้ว่าง่ายต่อนายคนนั้นเป็นหนักหนา มาบัดนี้ เขากลับจำหล่อนไม่ได้ ไม่ยอมแม้แต่จะชำเลืองมองมาสักครั้งเดียว กะอีแค่จะยิ้มกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่สักทีเดียวเท่านั้น มันจะเสียเกียรติอะไรกันนักหนา อยากรู้นักว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนหล่อเหลาขึ้นมาสักเพียงไหน ถึงกับไม่คิดจะแยแสคนที่รู้จักกันมาแต่ครั้งเก่าแก่เสียบ้างเลย
จริงซี ชลาอยากเห็นหน้าผู้ชายหยิ่งยโสลืมตัวคนนี้นัก อวดดีอย่างไร มีดีอะไรจนถึงกับกล้าไม่แยแสสนใจต่อความสวยงามของธารี ดูทีหรือ พี่สาวของเธอออกสวยงาม ผิวขาวผุดผ่องเป็นสีชมพูไปทั่วทั้งตัว ทั้งสวยงามอ่อนหวานแช่มช้อยยากที่ผู้หญิงอื่นจะงามได้เทียบเท่า อ่อนหวานน่ารักได้เหมือน เธอ จะต้องคอยดูหน้าเขาให้ได้ จะต้องพยายามรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเขาให้ได้ และถ้าเป็นไปได้ ชลาก็จะเป็นผู้จับหน้าของเขาให้หันมาทางพี่สาวของเธอ จะเป็นผู้เปิดเปลือกตาของเขาให้ลืมขึ้น และมองเห็นว่าธารีน่ารักน่าทะนุถนอมเพียงไร มีคุณค่าควรที่เขาจะต้องสนใจเพียงไร เพื่อพี่สาวคนเดียวที่รัก ชลายินดีจะทำทุกอย่างเพื่อจะให้หล่อนมีความสุข
หลบแวบจากสายตาของคุณย่า ชลาเดินเรื่อยเอื่อยไปทางหลังบ้าน ราวกับโชคจะลิขิตมาให้เธอได้มาทำหน้าที่ทูตเชื่อมหัวใจสองดวงที่เคยมีความสัมพันธ์เก่าแก่ทีเดียว ชลาคิดอย่างครึ้มใจเมื่อพบว่ารั้วขาวๆ เตี้ยๆ ที่กั้นเขตระหว่างบ้านของเธอ และนายหนุ่มเจ้าของรถยนต์สีน้ำเงินคันนั้นหาได้กั้นตลอดไปจนสุดเขตข้างหลังไม่ เนื้อที่เบื้องหลังนั้นถูกทิ้งไว้ให้รกเรื้อว่างเปล่า มีต้นไม้ล้มลุก และกระบองเพชรขึ้นคละกันไปหมด ชลาทำเป็นเดินเถลไถลเก็บเม็ดมะกล่ำตาหนูเพลินเข้าไปในเขตบ้านนั้น หวังว่าเจ้าหมาฝรั่งตัวโตอย่างชนิดที่กระโดดทีเดียวก็ขย้ำคอหอยนั้นจะไม่มีอยู่ในบ้านนี้
เถลไถลใกล้ตัวบ้านเข้าไปทุกที ก็ยังไม่เห็นมีใครโผล่ออกมาให้เห็นหน้าสักคน แต่พอคิดเช่นนั้น ชลาก็เกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงสูงแหลม เสียงหนึ่งดังแปร๋นออกมาว่า
“นั่นใคร .. เข้ามายุ่มย่ามอยู่แถวนี้ทำไมยะแม่คุณ”
แล้วเจ้าของเสียงก็โผล่ออกมาจากแนวยี่โถซึ่งปลูกกั้นอยู่ระหว่างตัวบังกะโลกับที่รกร้างด้านหลังตรงเข้ามาหาเธอ
ชลามองดูร่างนั้นอย่างนึกขัน เธอคิดว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงกลางคนที่ไหนที่มีสาระรูปแสนจะน่าขัน เท่ากับผู้หญิงคนที่กำลังมองดูอยู่นี้ ผอมดำราวกับท่อนไม้ที่ถูกไฟลนจนไม่มีดอกใบเหลืออยู่เลย หน้านิ่วคิ้วขมวดย่นยู่ เหมือนรูปสลักของชาวอินเดียแดงอย่างที่เธอเคยเห็นในภาพยนตร์ แกเดินปับๆ ผ้าซิ่นสีน้ำตาลแก่ยาวกรอมสะบัดปัดไปปัดมาตามจังหวะที่แกเดิน ชลามองดูลำตัวของแกแล้วลองเอามือทั้งสองข้างวางเข้าหากันเป็นวงกลม คิดดูว่าเธอคงจะกำเอวแกรอบเป็นแน่ อยากให้แกไปยืนเทียบกับคุณป้าเหลือเกิน คงเป็นภาพที่น่าดูพิลึก
“นี่ แม่เป็นใครที่ไหนกันจ๊ะ ทำไมเข้ามายุ่มย่ามอยู่แถวนี้ ที่นี่บ้านเขามีเจ้าของนะจ๊ะ ไม่ใช่ที่สาธารณะ” แกมายืนจ้องหน้าเธอเขม็ง มองสำรวจดูทั่วร่างราวกับจะค้นหาว่าเธอได้หยิบอะไรมิดเม้น ซ่อนไว้ในตัวบ้าง
“อ้อ ขอโทษจ้ะป้า” ชลาตอบซื่อๆ “ฉันเก็บเม็ดมะกล่ำตาหนูเพลินไปก็เลยล่วงล้ำเข้ามา”
“อะไร เก็บเม็ดมะกล่ำตาหนู ตัวโตออกขนาดนี้แล้วยังจะเล่นเม็ดมะกล่ำตาหนูอยู่อีกเรอะ เอาเถอะเมื่อไม่รู้ก็แล้วไป กลับออกไปเสีย หลังบ้านนี่เขาตากผ้าตากผ่อนเอาไว้ ประเดี๋ยวของเขาหายไปจะลำบากนะจ๊ะแม่”
ชลารู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นมา ก้มลงมองดูกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่สวมอยู่ แล้วเงยขึ้นมองดูแก อยากจะถามว่าเธอมีลักษณะใดที่ใกล้เคียงกับความเป็นคนมือไวใจเร็วนักเทียวหรือ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามออกไปดังใจคิด ชลาก็ได้ยินเสียงห้าวๆ อีกเสียงหนึ่ง ดังออกมาจากทิศทางที่บังกะโลหลังนั้นตั้งอยู่
“อะไรกัน เอะอะว่าใครเข้ามากัน”
ชลาเงยหน้าขึ้นมองไปตามเสียง ก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งออกมายืนอยู่ที่ระเบียงหลังซึ่งทาสีสอดสลับกัน สดสวย และกำลังมองมายังเธอ และยายผอมหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ เจ้าชายในฝันของธารี... ชลาบอกกับตัวเองแล้วเขยิบใกล้เข้าไปอีก อยากจะดูให้ชัดนัก ยายผอมหันไปทำตัวย่อๆ ขณะที่ร้องตอบออกไปว่า
“เด็กที่ไหนก็ไม่ทราบค่ะ เข้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ในนี้”
“ไม่ใช่เด็กที่ไหนหรอก” ชลาตอบด้วยเสียงที่ตั้งใจจะให้คนบนเรือนได้ยินด้วย “ฉันเป็นหลานคุณ ป้าจำเนียร อยู่บ้านติดกับบ้านนี้แหละ”
คำพูดของเธอได้ผล ชลาเป็นนักยิงนกที่แม่นยำเสมอ เพราะเมื่อเธอพูดเช่นนั้น คนที่ยืนอยู่บนระเบียงก็ชะโงกตัวออกมาคล้ายจะดูเธอให้ชัด แต่เมื่อทำดังนั้นแล้วคงจะยังเห็นไม่ชัดเขาก็ลงบันไดมาเลยทีเดียว
ชลาซ่อนยิ้มไว้ในใจ พี่ธารีที่รัก ใจเย็นๆ ไว้ได้แล้ว ชลาจะเปิดตานายคนนี้ให้มองเห็นความน่ารักของพี่ให้ได้ในเร็ววันนี่แหละ
ยายผอมถอยไปอยู่ข้างหลังเมื่อนายของแกเดินมาถึง ชลามองดูด้วยดวงตาเฉยเมย แต่ในใจนั้นเธอคิดว่า
“ขาวขึ้นครึ่งหนึ่ง มีเนื้อมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่หน้าตาควรจะเคร่งขรึมกว่านี้อีกสักนิดจึง จะสง่าสมดังที่พี่ธารีได้พร่ำรำพันไว้”
ชายหนุ่มมองดูเธอด้วยดวงตาที่สุกใสเป็นประกายรื่นเริง ครู่หนึ่งเขาจึงพูดขึ้นว่า
“ไหนเธอว่าเธอเป็นหลานสาวคุณป้าจำเนียรหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอก็คือชลาน่ะซี อะไร ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะโตถึงขนาดนี้แล้ว”
“ฉันอายุสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว” ชลาบอกกับเขาอย่างทำเป็นไม่สนใจ “และเรียนหนังสือจบชั้นมัธยมแปดแล้วด้วย”
“โอ้โฮ” เขาร้อง ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเรียบ ชลาใช้ลิ้นดุนฟันซี่ผุของเธอ ออกรู้สึกอิจฉาในฟันของผู้ชายคนนี้ขึ้นมาครามครัน แต่ยังไงก็ตามเขาไม่ควรจะยิ้มเปิดเผยถึงขนาดนี้ ควรจะเพียงเปิดปากนิดๆ และยิ้มด้วยนัยน์ตาจะดีกว่า คงจะน่าดูกว่านี้มาก
“ถึงยังงั้นเทียวหรือ เออ แล้วนี่เธอจำ.. เอ้อ... จำเพื่อเก่าได้บ้างไหม”
“เพื่อนเก่ารึคะ” ชลาเอียงคอมองดูเขา ทำเสียงสงสัยเต็มที “เอ ! ต้องคิดดูก่อน”
“ทำไมจะต้องคิด เสียแรงรู้จักกันมานานนม อะไรพอไม่ได้พบกันเพียงสิบปีเท่านั้นก็จะทำลืมเอาเสียแล้ว แต่ เอ จริงซี จากกันตั้งสิบปี มันนานกว่าที่เรารู้จักกันอีกนะ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเห็นเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะอยู่ก็ตาม”
“หนอย” ชลาร้องดังอย่างลืมตัว แต่เมื่อรู้สึกตัวเธอก็รีบสำรวมอิริยาบถโดยเร็ว “ถ้าอยากทราบว่าจำได้หรือเปล่า ก็ต้องตอบว่าจำไม่ได้ แต่ถ้าถามว่ารู้ไหมว่าคุณคือใคร ก็พอจะตอบได้ ว่า คุณคือคุณธันวา ลูกชายของคุณหญิงจำรัสเพื่อนของคุณป้าของดิฉัน”
“โอ้โฮ” เขาร้องเสียงดัง ดวงตาส่งประกายเฉกฉายยิ่งขึ้น “นี่เธอเปลี่ยนความซุกซน ความดื้อ.. แล้วก็ความ.. เอ้อ.. ความเฮี้ยว มาเป็นคารมที่คมคายแล้วหรือนี่ เออ ว่าแต่เราจะยืนขาแข็ง คุยกันอยู่อย่างนี้หรืออย่างไร เข้ามานั่งในบ้านผมก่อนไหม ได้พบเพื่อนเก่าทั้งทีอยากจะคุยด้วยนานๆ”
ชลาชายตาดูยายต้นไม้ไหม้ไฟอย่างมีชัยก่อนที่จะตอบว่า “ขอบคุณค่ะ แต่เสียใจที่ดิฉันกำลังจะลงไปหาพี่สาวของดิฉันที่ชายหาด” เว้นระยะนิดหน่อยก่อนที่จะถามเขาเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “คุณคงจะจำพี่ธารีได้”
“ธารีเรอะ จำได้ซี” เขารับ “ถ้างั้นก็คงเป็นธารีนี่เองที่ผมมองเห็นที่หาดบ่อยๆ แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก”
เออ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจธารีเมื่อไร ที่แท้เขาก็คงจะแอบมองหล่อนอยู่เช่นเดียวกัน จะต้องเกริ่นให้ธารีได้รู้เป็นการปลอบใจเสียหน่อย
“เอ้อ ถ้าหากผมจะเดินไปที่หาดกับคุณด้วย ธารีเขาจะว่าผมไหม”
จะว่าอะไรได้ ชลาคิด แต่ที่เธอพูดออกมาก็คือ “คงจะไม่ว่ากระมังคะ ก็คุณเป็นเพื่อนเก่าของธารีเหมือนกันนี่”
ไม่น่าเชื่อเลยว่างานของเธอจะดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วถึงเช่นนี้ ขณะนี้ เทพบุตรในฝันของธารีกำลังเดินเคียงข้างเธอลงไปสู่หาดข้างล่างแล้ว อยากเห็นนักว่าธารีจะทำหน้าอย่างไรเมื่อได้เห็นเขาได้พูดคุยกับเขา ได้นั่งใกล้ๆ เขา ชลาต้องระงับใจตัวเสียแทบแย่ที่จะไม่วิ่งตะโกนร้องเรียกพี่สาวออกไปว่า “พี่ธารีจ๋า ดูซิว่าชลาพาใครมาพบกับพี่”
ธารีนอนหงายอยู่บนผ้าใบสีน้ำเงินแก่ มือประสานรองกันอยู่ใต้ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้มสยายแผ่ออกราวกับกลุ่มไหม ดูอ่อนนุ่มเป็นมันระยับ สีเหลืองสดของอาภรณ์ที่ปกคลุมร่างอยู่นั้นขับผิวของหล่อนให้เป็นสีชมพู ผุดผาดไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัว หล่อนมีแว่นกันแดดสวยสมสมัยปิดบังดวงตาไว้ ดวงตาที่ชลาคิดว่าคงจะเศร้าสร้อย เลื่อนลอยอยู่กับความฝันและความไม่สมหวัง
“พี่ธารี น้องขอแนะนำให้รู้จักกับคุณธันวา เพื่อนบ้านของเรา”
ธารีรีบลุกขึ้นนั่ง ตั้งแต่ชลาเรียกเป็นคำแรกแล้ว แต่เพราะแว่นกันแดดที่หล่อนสวมไว้ ชลารู้สึกเสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ได้เห็นดวงตาของพี่สาว เมื่อธารีดึงแว่นออกจากตานั้น แววตาของหล่อนก็เป็นปรกติดีแล้ว หันมาทางธันวา ก็เห็นเขากำลังมองดูธารีอยู่อย่างพอใจ
“ที่นี่น่าสบายมากนะฮะ ธารี ขอเพื่อนเก่านั่งคุยด้วยสักคนได้ไหม”
ธันวาถาม และพอเข่าของเขาข้างหนึ่งถึงผ้าใบ ชลาก็พูดขึ้นว่า “คุณธันวานั่งคุยกับพี่ธารีเถอะนะคะ ฉันจะต้องไปรับใช้คุณป้า” แล้วก็รีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีโดยไม่รอฟังคำคัดค้านจากสองคนนั้น
เย็นวันรุ่งขึ้น ขณะที่ชลาลุยน้ำขึ้นมาสู่หาด เธอก็เห็นธันวาเดินลงมาจากบ้านของเขา และเลี้ยวเข้าไปพูดกับธารีผู้ที่นอนอยู่ใต้ร่มสีสวยตามเคย ชลารีบหันหลังให้เสีย เพราะกลัวเขาจะกระดาก น่าเสียดายที่ธารีไม่ค่อยชอบลงเล่นน้ำ ธารีในชุดอาบน้ำนั้นจะทำให้ผู้ชายทุกคนมองดูหล่อนอย่างตะลึงลานเลยทีเดียว
เธอเอามือขุดลงไปในทรายหยาบๆ แล้วคุ้ยเอาทรายขึ้นมา หอยเสียบตัวเล็กตัวน้อยติดตามทรายนั้นขึ้นมา ที่หาดตรงนี้หอยเสียบช่างชุมเหลือเกิน ไม่ว่าขุดลงไปตรงใดเป็นพบตรงนั้น มันแลบลิ้นแผล็บๆ เต็มไปหมด น่าดู ชลาเลือกเอาตัวโตๆ ออกกองไว้ต่างหาก แต่พอเธอลืมไปสักประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น มันก็แทรกตัวมุดหายไปในทรายกันหมด เธอต้องรีบขุดลงไปตามตัวมัน และสนุกสนานต่อการขบคิดว่ามันคือตัวเก่าใช่หรือไม่
“ฮัลโหล ชลา” เสียงร้องทักดังขึ้นข้างกาย ชลาเงยหน้าขึ้นมองก็พบดวงหน้าคมสันที่กำลังยิ้มกว้างลงมายังเธอ “ขุดหอยเล่นสนุกมากหรือ” พูดจบเขาก็ทิ้งตัวลงบนทรายข้างๆ ชลาโดยไม่วิตกว่ากางเกงขาสั้นสีขาวสะอาดที่เขาสวมอยู่นั้นจะเปื้อนเปรอะ
“โอ๊ะ ที่นี้เปื้อนออก” ชลาว่า “นั่งบนผ้าใบกับธารีนั่นก็ดีแล้วนี่คะ” ความจริงเธออยากจะถามเขาว่าทำไมทิ้งธารีมาเสียมากกว่า
“ก็เห็นเธอขุดอะไรเพลินอยู่ ขุดเอาๆ ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองใคร ก็นึกว่าคงจะพบสมบัติเข้าแล้วเลยมาช่วยขุดเพราะอยากรวยบ้างน่ะซี”
“ฮึ่ ว่าไม่ได้ บางทีอาจจะตั้งตัวได้โดยไม่ต้องลงทุนเลยสักสตางค์แดงเดียวก็ได้นะคะ”
“แหม น่าสนใจ ไหนลองว่ามาทีซีฮะว่าเธอจะมีวิธีการยังไง ไอ้วิธีหาทางรวยโดยไม่ต้องลงทุนสักสตางค์แดงเดียวนี่คนชอบกันมาก ถ้าพิมพ์เป็นตำราออกขายคงจะขายดี”
“ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรนี่คะ” ชลาบอก “ก็ขุดเอาหอยเสียบแถวนี้แหละไปดองขาย ต้องลงทุนซื้อหามาเมื่อไร”
“ใครว่าไม่ต้องลงทุน น้ำปลาที่ใช้ดองไงครับ แล้วยังขวดสำหรับใส่อีก หรือว่าต้องจับปลามาทำน้ำปลาเสียก่อน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้ำปลาของคุณป้ามีตั้งไหเบ้อเร่อ ขวดน้ำหวานเปล่าๆ ก็ทิ้งอยู่เป็นหลายใบ แหมหอยตัวนี้สวยเหลือเกิน” ชลาร้อง วางหอยตัวหนึ่งลงบนฝ่ามือและยื่นออกไปให้เขาดู “สีแปลกจังนะคะ สีชมพู แหมน่ารัก น่ากลัวมันจะเป็นเจ้าหญิง”
“หอยก็มีเจ้าหญิงด้วยหรือ” เขาถามอย่างขัน “แต่สีมันแปลกจริงแหละ ชมพูเผือกๆ ยังไงชอบกล”
“เหมือนผิวของธารีอย่างนั้นแหละ” ชลาต่อไปโดยเร็ว “เห็นไหมคะว่าธารีเนื้อเป็นสีชมพูเหมือนเปลือกหอยตัวนี้ไม่มีผิด”
“ธารีไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งยังเด็กอยู่เท่าใดนัก แต่เธอน่ะซีเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนเอาจนผมแทบจำไม่ได้”
ชลาเหยียดขาซึ่งเปื้อนทรายออกไปข้างหน้า “ธารีเป็นคนสวยมานานแล้ว ผิดกับฉันยังกับไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกันแน่ะนะคะ ธารีขาวท้วม เรียบร้อย แต่ฉันตัวดำเหมือนใครก็ไม่รู้” ชลาก้มลงมองดูท่อนแขนสีน้ำตาลอ่อนของตนเอง “ไม่น่าจะแตกต่างกันถึงขนาดนี้ในเมื่อความจริงเราจวนจะเป็นฝาแฝดกันอยู่แล้วทีเดียว”
“ฝาแฝด เธอกับธารีน่ะเรอะ” เขาอุทานอย่างขัน
“ค่ะ ถ้าหากธารีจะเกิดช้ากว่านั่นสักปี หรือฉันจะเกิดเร็วขึ้นอีกสักปี ฉันก็คงจะสวยอย่างเขาเหมือนกัน แต่ถ้าเผอิญธารีเกิดมาเหมือนฉันเข้าละก็แย่” ชลายกมือขึ้นเสยผมก็ตัดสั้น และถูกลมตีจนยุ่งของเธอพลางหัวเราะ “ฉันสูงกว่าธารีตั้งฝ่ามือแน่ะค่ะ”
“ทำไมเธอไม่มาเที่ยวบ้านผมมั่งล่ะ” ธันวาถามขึ้น
“คุณหมายความว่าให้ฉันชวนธารีไปด้วยใช่ไหมคะ”
“ฮื่อ เธอทั้งสองคนแหละ ฉันอยู่คนเดียวเหงาจะแย่ คุณแม่ท่านมีเพื่อนมาพักอยู่ทางโน้นเลยไปร่วมวงรำพัดกันที่นั่นทุกวัน”
“จะดีหรือคะ” ชลาพูดอย่างลังเล “เราเป็นผู้หญิง”
“จะแปลกอะไร เราเป็นเพื่อนเก่าแก่กันมาตั้งแต่ปีมะโว้ ถ้าเรากลับไปกรุงเทพฯ แล้วเธอคงจะให้ฉันไปคุยเล่นที่บ้านอย่างเมื่อก่อนนี้บ้างใช่ไหม”
“คุณป้าคงจะยินดีต้อนรับคุณ”
“ทำไมต้องต้อนรับ ฟังดูห่างเหินยังไงพิกล ฉันยังจำได้ว่าคุณป้าจำเนียรมีขนมอร่อยๆ ใส่ขวดโหลไว้มากๆ เสมอ”
“เดี๋ยวนี้ธารีเป็นคนทำ” ชลาพูด ความจริงเธอเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อกลับจากโรงเรียนมาค้างบ้านได้เห็นขนมมากๆ และเห็นสภาพของคุณป้าแล้ว ชลาก็ลงความเห็นเอาว่าพี่สาวของเธอต้องเป็นคนทำขนมนั้น คุณป้าจะทำได้ยังไง แค่จะลุกนั่งสักทียังลำบากแทบแย่ เธอกลับมาบ้านทีไร ก็ได้พบว่าน้ำหนักตัวของคุณป้าเพิ่มขึ้นทีนั้น ชั่วระยะเวลาเพียงห้าหกปีหลังนี่ น้ำหนักของคุณป้าเพิ่มจาก 55 มาเป็น 85 กิโลกรัม “ถ้าจะให้ดี คุณควรจะไปบอกธารีไว้เสียก่อนกลับไปกรุงเทพฯ เขาจะได้เตรียมทำขนมอร่อยๆ ไว้มากๆ ไปซีคะ”
พูดแล้วชลาก็ลุกขึ้นวิ่งลงทะเล ลุยออกไปจนถึงเอว แล้วจึงทิ้งตัวลงลอยคอยกมือโบกให้ ธันวาที่ลุกขึ้นยืนมองมาจากบนหาด โบกตอบ แล้วจึงหันกลับเดินช้าๆ ตรงไปยังร่มชายหาดสีสดสวยที่ธารีนอนอยู่นั้น
เมื่อนอนเคียงกันในคืนนั้น ชลาถามธารีว่า “คุณธันวาเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ธารี”
“ไม่เลว” ธารีตอบแล้วก็พลิกตัวไปอีกทางหนึ่ง ชลานึกหัวเราะอยู่ในใจ ธารีคงอายไม่อยากจะแสดงความในใจออกมาให้เธอจับได้
มิตรภาพเก่าแก่กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกลับกรุงเทพฯ ชลาก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเดินเล่นในบ้านของคุณหญิงจำรัสที่เคยวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่เสมอตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กอีกวาระหนึ่ง แต่ธารีดูออกจะเก็บเนื้อถนอมตัวกว่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กมาก ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ธารีมีอะไรหลายอย่างที่ควรแก่ความภาคภูมิใจและไว้วางตัว ธารีเป็นสุภาพสตรีสาวสวยผิดกับเธอ ซึ่งไม่ได้ความอะไรเลย
วันหนึ่งขณะที่เดินลงมาทางหน้าบ้าน ชลาได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ยืนหันหน้าหันหลังอยู่ข้างกอพุทธรักษา เธอเรียกเขาว่าเด็กหนุ่ม แม้ว่าเขาจะนุ่งกางเกงขายาว แต่งตัวเหมือนอย่างชายหนุ่มทั้งหลายก็ตาม แต่ดวงหน้าที่ขาวเกลี้ยงปราศจากแม้แต่รอยโกนหนวดและเครา ทำให้เธอกะอายุของเขาว่าคงจะไม่เกินกว่า 21-22 ชลาเดินเข้าไปหาและถามว่าเขามาหาใคร
“คุณธารีอยู่ไหมครับ” เด็กหนุ่มถาม “ผมมาหาธารี”
“ธารีไม่อยู่” ชลาตอบ ธารีไม่อยู่จริงๆ หล่อนออกไปทำผมทำเล็บ เด็กหนุ่มทำท่าผิดหวัง ชลาทายได้ทันทีว่านายคนนี้ท่าทีจะมีความรู้สึกอะไรๆ ในตัวพี่สาวของเธอเสียแล้ว แต่เขาไม่เหมาะสมกับธารี ผู้ชายที่เหมาะสมกับธารีมีคนเดียวเท่านั้นคือ ธันวา เธอจะต้องจัดการไม่ให้ใครๆ มาวุ่นวายกวนใจพี่สาวของเธอ ธารีรักธันวา เธอจะต้องช่วย
“เมื่อไหร่กลับคุณทราบไหม”
“คงอีกนาน คุณมีอะไรจะสั่งไว้ก็ได้”
เด็กหนุ่มลังเลอยู่ประเดี๋ยวแล้วตอบว่า “อย่าเลย วันหลังผมมาใหม่ก็ได้”
อีก 2-3 วันต่อมา เขาก็มาอีกครั้งหนึ่งจริงๆ โชคนายคนนี้ไม่ดีเลย ธารีออกจากบ้านไปจ่ายของให้คุณป้าเสียอีก แต่ชลาบอกกับเขาว่าพี่สาวของเธอไม่ สบาย ดูท่าทางเขาวิตกทุกข์ร้อนมาก เขาแสดงความประสงค์อยากจะขอเยี่ยม
“บอกธารีเถอะครับ ว่าผม พจน์ มาเยี่ยมเธอ”
ชลามองดูเขาอย่างลังเลนิดหนึ่งแล้วบอกว่า “ฉันจะไปบอกเขาให้ คุณคอยอยู่ที่นี่เดี๋ยวนะคะ”
ชลาเดินขึ้นเรือน ขึ้นบันไดไปข้างบนแล้วลงนั่งพักที่หัวบันไดสักครู่จึงลงมาใหม่ ออกมาบอกกับเขาว่า
“ธารีไม่สบายค่ะ เขาบอกว่าไม่อยากให้ใครกวน”
นายพจน์หน้าสลดลงจนเห็นได้ชัด เขาหันกลับไหล่ลู่ คอตก เดินจ๋องๆ ออกไปจากบ้าน เขาคงรักธารีมาก ชลาพลอยเสียใจด้วยกับเขา เขาคงจะต้องสะเทือนใจไม่น้อยในคำบอกเล่าของเธอ แต่เธอช่วยไม่ได้จริงๆ เธอตกบันไดไปแล้วก็ต้องพลอยกระโจน เขาไม่ควรจะขอขึ้นไปเยี่ยมธารีนี่นา ก็ธารีไม่อยู่เธอจะเอาใครมาให้เขาเยี่ยม
ชลามองดูจนกระทั่งพจน์เดินออกจาประตูบ้านไปแล้ว จึงหันกลับจะเดินขึ้นเรือน แต่ก็เผอิญได้ยินเสียง
“ฮัลโหล ชลา”
เธอหันไปมอง และเห็นธันวายืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างรั้วลวดหนามทางเขตบ้านของเขา เธอจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วถามว่า “วันนี้ไม่ไปไหนหรือคะ คุณธันวา” มองลอดรั้วเข้าไปยังกุหลาบที่ปลูกอยู่เป็นกอเป็นแถวเป็นแนว กำลังชูดอกออกสะพรั่งต่างสีงดงามลานตาไปหมด อดไม่ได้ที่จะต้องอุทานว่า “โอ้โฮ กุหลาบของคุณธันวาสวยเหลือเกิน แหมนี่ถ้าถ่ายรูปด้วยฟีล์มสีคงสวยแย่ไปเลย”
“เข้ามาข้างในนี่ซีฮะ” ธันวาว่า พยักหน้าบุ้ยใบ้ไปทางประตูรั้วที่เปิดติดต่อถึงกัน แล้วตัวเองก็เดินไปเปิดประตูคอยไว้ ชลาทำตามคำชักชวนนั้นอย่างเต็มใจ
“อยากได้ก็เก็บไปซี เก็บไปมากๆ ก็ได้ คอยเดี๋ยวผมจะไปหามีดมาให้ เขาบอกแล้วก็ก้าวยาวๆ กลับขึ้นไปบนตึก ครู่เดียวก็ลงมาพร้อมกับมีดพับขนาดเล็ก เขาง้างคมมีดออกพลางพูดว่า “มา ชอบใจดอกไหนก็บอก ผมตัดให้เอง ประเดี๋ยวหนามกุหลาบจะตำนิ้วเอา”
ชลาชอบใจนัก เพียงแต่เอ่ยปากว่าดอกไหนสวยเท่านั้น เขาก็ตัดส่งให้ทันทีจนกระทั่งในอ้อมแขนของชลาเต็มไปด้วยกุหลาบต่างๆ สี
“พอแล้วค่ะ” ชลาร้องบอก “หอบจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ประเดี๋ยวกุหลาบของคุณก็หมดบ้านกันเท่านั้น โอ้ โฮ ไม่เคยมีใครให้กุหลาบสวยๆ ทีละมากๆ อย่างนี้มาก่อนเลย ถ้าธารีเห็นละก็คงกรี๊ดกร๊าดแย่ไปเลย แหมคุณธันว์ใจดีจัง วันหลังจะต้องตอบแทนพระคุณเสียหน่อย”
“แหม ใช้คำว่าพระคุณเทียวนะ ถ้าอยากจะตอบแทนละก็ไม่ต้องวันหลังได้ไหม วันนี้ดีกว่า”
“วันนี้” ชลาขมวดคิ้วมองดูเขา “วันนี้ฉันจะตอบแทนคุณได้ยังไงบ้างคะ”
“ไปเป็นเพื่อนดูหนังกับผมสักรอบเป็นไง”
ชลาทำตาโตมองดูเขา “นี่คุณชวนเราทั้งสองคนใช่ไหมคะ”
“งั้นซีครับ ผมรู้ดีนี่นาว่าถ้าชวนเพียงคนใดคนหนึ่งและก็เป็นไม่มีใครยอมไปแน่ ว่าไงครับ ตกลงไหม”
“ต้องถามธารีดูก่อน เขาออกไปซื้อของให้คุณป้าค่ะ เดี๋ยวคงกลับมา”
เมื่อธารีกลับมาถึงบ้าน ชลาก็หอบเอาดอกกุหลาบช่อใหญ่ไปส่งให้ถึงในห้อง ธารีอดที่จะอุทานออกมาด้วยความดีใจและชื่นชมเสียมิได้ และชลาก็พูดขึ้นว่า
“พี่ธารีทำอะไรให้น้องสักอย่างได้ไหม”
“ได้ซิ” ธารีรับคำโดยไม่ลังเล “บอกมาซีว่าจะให้ทำอะไร”
“เย็นนี้แต่งตัวสวยๆ ไปดูหนังกับน้องหน่อยได้ไหม คุณธันว์รับเป็นเจ้ามือ น้องขออนุญาตคุณป้าไว้เรียบร้อยแล้ว
ธารีอึ้งไปเล็กน้อย ที่จริงควรจะหน้าแดงสักหน่อย แล้วตาก็ควรจะเป็นประกายขึ้นสักนิด แต่ธารีเป็นสุภาพสตรี และสุภาพสตรีย่อมจะรู้จักซ่อนความรู้สึกไว้ มิให้ปรากฏแก่สายตาของคนอื่น
“น้องอยากไปดูจริงๆ หรือ”
“อยากที่สุดเลยจ้ะ” ชลาตอบ
“ถ้างั้นก็ ตกลงจ้ะ”
“ไชโย” ชลาร้อง “คืนนี้น้องจะทำผมให้พี่ให้สวยทีเดียว เสียบกุหลาบสีชมพูอ่อน และเหลืองที่มวยผมด้วยนะจ๊ะ แล้วธารีจะสวยเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ”
เรื่องมันช่างบังเอิญกันอย่างเหมาะเจาะ ขณะที่ชลาเดินกลับมาจากการซื้อของขบเคี้ยวโดยปล่อยให้ธารียืนอยู่กับธันวาที่บันไดทางจะขึ้นบนที่โรงภาพยนตร์ค่ำนั้น เธอก็เหลือบไปมองเห็นพจน์กำลังยืนจ้องพี่สาวของเธอตาเขม็งอยู่ ธารีไม่เห็นพจน์เพราะกำลังพูดอยู่กับธันวา สีหน้าของพจน์บอกให้ชลา รู้ทันทีว่าเขากำลังมีความเจ็บช้ำเพียงใด เธอคอยอยู่จนพจน์หันกลับเดินหายเข้าไปในกลุ่มคนแล้วนั่นแหละชลาจึงได้ เดินเข้าไปหาพี่สาว
วันต่อๆ มา ธารีหงอยเหงาะลงทุกวัน ชลาหาเหตุผลไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใด แม้ว่าเธอจะเอาดอกกุหลาบงามๆ ไปให้ และบอกว่าธันวาฝากมาให้ ธารีมิได้แสดงอาการปิติยินดีเท่าที่ควร ชลารู้สึกหนักใจมิใช่น้อยที่ขบปัญหาไม่แตก จนกระทั่งวันหนึ่ง ธันวาได้ตะโกนลอดรั้วมาอีกว่า
“ฮัลโหล ชลา”
ธันวาคงเพิ่งกลับมากจากทำงาน ยังไม่ทันจะเอารถเก็บเข้าโรงด้วยซ้ำ เพราะเธอเห็นเขาจอดมันไว้กลางถนนในบ้านใกล้ๆ กับที่เขาลงมายืนพูดกับเธอนั่นเอง
“ไม่เข้ามาเอาดอกกุหลาบอีกหรือ” ธันวาถามเมื่อชลาเดินเข้าไปใกล้แล้ว
“ยังไม่เอาหรอกค่ะ ขอบคุณ”
“ทำไมล่ะ เอาน่า” ธันวาคะยั้นคะยอ “เกรงใจหรือไงกัน”
“เกรงน่ะเกรงแน่ แล้วก็....”
ชลาพูดไม่ทันจบประโยค ธันวาก็ขัดขึ้นมาว่า “จะต้องเกรงทำไมกัน ถ้าเกรงใจก็ทำอะไรตอบแทนชดใช้ผมเสีย อย่างที่เคยทำมาแล้วซี”
“คุณหมายความว่า คุณจะชวนเราไปดูหนังอีกใช่ไหม”
“งั้นซี ตกลงไหมล่ะ”
ความคิดอย่างหนึ่งแวบเข้ามาในใจของชลา เธอมองดูเขา นัยน์ตาโตอย่างตื่นเต้น “ธันวา อย่างนี้ดีไหม คุณไปสองคนกับธารี”
“จะดีเรอะ” ธันวาว่า
“คุณกลัว คุณป้าจะไม่อนุญาตหรือคะ อนุญาตแน่ อย่ากลัวเลย คุณป้าชอบคุณออกจะตาย นะคะ คุณไปกับธารี ตัดกุหลาบมาซี ฉันจะเอาไปให้ธารีบอกว่าคุณให้เอามาให้ แล้วจะดูแลให้เขาแต่งตัวให้สวยทีเดียว”
“ขอบใจ ชลา แต่ผมคิดว่าเธอไปด้วยดีกว่า”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ ได้ไปเที่ยวกับธารีสองคนยังไม่ชอบอีกหรือ ฉันกำลังจะช่วยคุณนะนี่ ธันวา”
“ช่วยผมเรื่องอะไร”
“เรื่อง... เอ๊ะ... นี่คุณไม่ได้ชอบธารีหรอกหรือคะนี่”
“ชอบซี ธารีก็เป็นเพื่อนเก่าแก่มาเหมือนกันนี่นา แต่ไม่ได้ชอบอย่างชนิดที่อยากจะไปไหนต่อไหนด้วยกันเพียงสองคน อีกอย่างหนึ่ง ธารีเขามีคนที่เขาชอบพอกันมากอยู่แล้วนี่ ถ้าแฟนของธารีเกิดไปพบเข้ามันจะมิยุ่งกันใหญ่หรือ นั่นเธอทำตาโตอย่างนั้นทำไมนะชลา”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าธารีเขาชอบพอกับคนอื่นอยู่แล้ว” ชลาซัก
“รู้ซี” ธันวาตอบอย่างมั่นใจ “เมื่อก่อนนี้ก่อนที่เธอจะออกจากโรงเรียนมาอยู่บ้านน่ะ เขาเคยมาหากันบ่อยๆ นี่นา ผมเห็น มาหมู่นี้ซีที่หายไป เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ นั่นทำไมทำหน้าตาอย่างนั้นล่ะฮะ ชลา”
“เดี๋ยวค่ะ ธันวา ฉันงงไปหมดแล้ว”
“งงหรือ เธอคงใช้สมองทำงานมากไปกระมัง ไม่ได้การละ ชลา” เขาทำหน้าตาเดือดร้อน “ต้องรู้จักพักสมองออกไป หย่อนใจ คลายอารมณ์ลดความ เคร่งเครียดเสียบ้างละ เดี๋ยวไปดูหนังกันดีกว่า ไม่ต้องชวนธารีไปด้วยก็ได้ ถ้าเธอไม่กล้าขออนุญาตคุณป้า ผมจะขออนุญาตท่านให้เอง”
“เอ๊ะ ธันวา เมื่อกี้นี้ฉันขอให้คุณพาธารีไปดูหนัง แล้วคุณบอกว่าคุณไม่ได้ชอบพี่สาวฉันชนิดที่จะพาไปไหนด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง แล้วนี่ทำไมคุณกลับมาชวนฉันเล่า”
“ก็เพราะว่าเธอไม่ใช่ธารีน่ะซี ชลา” เขาตอบยิ้มกว้างขวางตาเป็นประกายรื่นเริงตามเคย
“แต่คุณไม่เคยชอบฉันมากกว่าธารีเลยนี่”
“ใครบอกล่ะ” เขาว่า “เดี๋ยวก่อน ขอให้ผมเข้าไปข้างในนั้นได้ไหม ไม่อยากเกาะรั้วพูดเรื่องสำคัญๆ อย่างนี้”
“ไม่ต้อง ยังไม่ต้องเข้ามาหรอก” ชลารีบห้ามโดยเร็ว “เดี๋ยวฉันท่าจะต้องไปนอนพักสักงีบ ชักมึนหัวเต็มที ก็ฉันจำได้นี่นะคะว่าคุณเคยถูกอกถูกใจธารีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณยังเคยชมว่าธารีสวยเหมือนเจ้าหญิง”
“เจ้าหญิงสวยก็จริงแต่ไม่เห็นจะดีเลย” เขาตอบยิ้มๆ “ประเดี๋ยวก็ถูกคนโน้นคนนี้พาไปขังไว้ที่โน่นที่นี่ สู้...เอ้อ.... ถึงยังไงผมก็ยังชอบแม่มดที่ชอบกินลูกกวาดมากกว่าเจ้าหญิงอยู่ดี เพราะผมเองก็ชอบกินลูกกวาดอยู่เหมือนกัน ตกลงนะ ชลา เดี๋ยวผมจะเข้าไปขออนุญาตคุณป้าให้เอง”
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งค่ะ” ชลาถอยหลังกรูด รู้สึกว่าไม่กล้ามองสบตาเขาขึ้นมาเอาในบัดนั้นเอง
“ทำไมเล่า ถ้าผมไปคนเดียวยังกลัวคุณป้าจะไม่อนุญาต ผมจะเอาคุณแม่ไปด้วยอีกนะ ชลา”
“ไม่ ไม่ ยังไม่ต้อง” ชลาร้องแล้วหันหลังวิ่งหนีเอาดื้อๆ แต่ยังคงได้ยินเสียงเขาร้องไล่หลังมาว่า
“ไม่ต้องได้เรอะ ตัดกุหลาบเขาเสียจนจะหมดสวนแล้ว”
เกือบจะชนกับธารีตรงเลี้ยวมุมห้องจะขึ้นบันได ชลาเบรคพรึดมือคว้าบั้นเอวพี่สาวไว้ทัน แม้กระนั้นก็ยังเซแซ่ดๆ จนเกือบจะล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่
“ตายจริง ชลา นี่อะไรกัน”
“พี่ธารี น้องอยากจะถามอะไรพี่สักอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ได้ซีชลา เรื่องอะไรล่ะ”
“พี่ธารีรักคุณธันวาหรือเปล่า”
“รักคุณธันวา” ธารีทวนคำ ตาเบิกโต “ตายละ นี่นึกขึ้นมายังไงถึงได้ถามอย่างนี้ ถ้าคุณธันวาเขามาได้ยินเข้ามิขายหน้าเขาแย่หรือ”
“เอาเถอะน่า ตอบมาเร็วๆ เถอะ” ชลาเร่ง ธารีมองดูน้อง ตอบด้วยน้ำเสียงเป็นปรกติว่า
“เปล่าเลย พี่ชอบที่เขาเรียบร้อย ใจดีสมเป็นสุภาพบุรุษ แต่ไม่เคยนึกรักอย่าง.... เอ้อ... นอกเหนือไปกว่าที่บอกมานั้นเลย”
“แต่ พี่ธารี....” ชลาแย้งอย่างสงสัย “ที่บ้านพักชายทะเล น้องเคยเห็นพี่เขียนรำพึงรำพันถึงเขาไว้ตั้งครึ่งหน้ากระดาษฟุลสแก็ป พี่รำพันถึงเทพบุตรในฝันที่มีผมดกดำ ผิวคล้ำ และขับรถสปอร์ตสำน้ำเงินคันงามด้วยไงเล่า”
“ตายจริง” ธารีอุทาน หน้าแดงขึ้นมาในทันที “พี่เขียนไปยังงั้นเอง อยู่ว่างๆ ไม่จะทำอะไรก็เลยริจะเป็นนักประพันธ์กับเขาบ้าง แล้วก็เขียนทิ้งเอาไว้แค่นั้นแหละ เข็นต่อไปไม่ไหว จินตนาการไม่ยอมออก”
“เสร็จ” ชลาทิ้งตัวแปะลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ยกฝ่ามือขึ้นแปะลงไปบนหน้าผากสักครู่ก็ผุดลุกขึ้น จับเอวของพี่สาวด้วยมือทั้งสองดุนไปที่บันได ร้องว่า “ขึ้นไปข้างบนเร็ว น้องมีเรื่องอะไรจะเล่าให้พี่ฟัง”
“เรื่องอะไร โอ๊ะ ค่อยๆ ชลา เดี๋ยวพี่สะดุดขาตกบันได เรื่องอะไรกันนะ”
“โอ๊ย มากมายหลายเรื่อง” ชลาตอบหน้าแดงและตาเป็นประกาย “เรื่องเจ้าหญิงอกหัก เรื่องเด็กเลี้ยงแกะ แล้วก็เรื่องเจ้าชายสติเสียที่อุตริมารักแม่มด เพราะชอบกินลูกกวาด เร็วซิจ๊ะ ธารี ขึ้นไปเร็วๆ เข้าซี”
จากหนังสือ ห้ามแล้วอยากไม่เชื่อนี่นา จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ บันดาลสาส์น พ.ศ.2515