เรื่องสั้น งานเขียนจากผู้อ่าน | |
18 | ประตูวิเศษ |
27 | ผู้วิงวอน |
33 | กว่าจะรู้ว่ารัก |
46 | มาดาม |
47 | ย้อนรอยรัก |
48 | เธออยู่ไหน |
49 | ครอบครัว |
หน้าที่
1/1 |
คนยุคใหม่รู้จักประตูนี้ ประตูสู่โลกสื่อสารที่ไม่มีตัวตนให้จับต้องได้ เมื่อผ่านเข้าไป ชุมชนเล็กใหญ่รอพวกเขาอยู่
ชุมชนที่พวกเขาเลือกได้ สรรคัดคนที่ต้องการพบปะได้ สร้างแต่งภาพลักษณ์ให้ตนเองในอันที่จะแสดงต่อผู้คนในชุมชนนี้ได้
เมื่อจิ้งหรีดหลงเข้ามาเพราะความเหงา หลบความวุ่นวายเจือโหดร้ายที่เกิดในชีวิตที่เป็นอยู่ จิ้งหรีดมองไม่เห็นภาพลักษณ์ของตัวเองที่ปรากฏแก่ผู้อื่นในชุมชนนี้ แต่ก็สนุกสนานกับการสื่อสารกับมิตรใหม่ไร้ตัวตนและภาพลวงของคนที่เข้ามาทำความรู้จักทักทายพูดคุยด้วย ทุกคนต้องการเพื่อน จะแปลกอะไรหากจะเป็นเพื่อนที่มีตัวตนหรือไม่
จิ้งหรีด “ฉันชื่อจิ้งหรีด”
ทัก “จิ้งหรีดขาวที่เป็นนักร้องหรือเปล่า”
จิ้งหรีด “ฉันไม่ขาวแต่ร้องเพลงได้”
ทัก “สวยไหม”
จิ้งหรีด “สวยซิ”
ทัก “สัดส่วนเท่าหร่าย…..”
จิ้งหรีด “มาวัดเองสิ”
ทัก หัวเราะ
จิ้งหรีด พลิกนัยตามองนั่นมองนี่
ทัก เลียริมฝีปาก “อายุ…?”
จิ้งหรีด “ไม่มากหรอก”
บทสนทนาไร้สาระ เย้าแหย่ หยิกหยอก แต่ก็ทำให้เพลิดเพลินหัวเราะคิกคักลืมปัญหาชีวิตไปได้เหมือนกัน ภาพของเพื่อนที่สร้างขึ้นในจินตนาการ เลิศหรูน่ารักน่าดู เพื่อนใหม่บางคนแสดงความรักหึงหวงกันทั้งๆ ที่ไม่เคยพบเห็นกันจริงๆ เลยสักครั้ง
เมื่อแรกจิ้งหรีดรู้สึกว่าแปลก แต่เธอก็ไหลตามกระแส สนุกกับการแสดงตามบทบาทที่ตัวเองแต่งสร้าง
แล้วเธอก็เผลอใจจริงจังกับเพื่อนที่ไม่มีตัวตนบางคน จิตใจจรดจ่อรอคอย ครั้นพอได้พบกันหลังประตูนี้ก็รู้สึกเหมือนการรอคอยสิ้นสุด
เข้ามารอเป็นชั่วโมง เพียงเพื่อได้คุยกันสั้นๆ ก็พอใจ
ทัก “ไปละนะ มีงานต้องทำ”
จิ้งหรีด “พรุ่งนี้จะเจอกันอีกหรือเปล่า”
ทัก “เจอซิ เราว่างทีไรก็เข้ามา”
จิ้งหรีด “ฉันว่างเสมอ”
ทัก “รู้แล้ว เธอตกงาน”
จิ้งหรีด “ใช่ ฉันเลยออนไลน์ทั้งวันทั้งคืนประชดชีวิต”
ทัก “น่าจะให้มาเป็นยามเฝ้าบ้านนัก เลี้ยงง่ายหรือเปล่า จู้จี้ขี้บ่นขี้หึงหรือเปล่า จู้จี้ขี้บ่นเราทนได้
แต่ขี้หึงไม่เอานะเพราะว่าแควนเราแยะมาก”
จิ้งหรีด “เลี้ยงหมาให้เฝ้าบ้านไปเถอะ เพราะว่าฉันขี้หึงมาก”
ทัก “แต่เรายังอยากพิจารณาเธออยู่นะ….. บายๆ”
ในสังคมนี้มีผู้คนหลายรูปลักษณ์และบทบาท ต่างเพศต่างวัย แต่มากที่สุดคือหนุ่มสาววัยรุ่น หรือไม่เช่นนั้นก็คนที่แสดงตัวว่ายังเป็นหนุ่มเป็นสาววัยรุ่นอยู่ เพื่อที่จะมีเพื่อน เมื่อแรกๆ จิ้งหรีดคล้อยตามเมื่อถูกประมาณว่าอายุสิบแปด
จร “เรียนอะไร”
จิ้งหรีด “เอ็นฯ ติดจุฬา”
ก็ไม่ได้หลอกสักหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไหร่นี่
หากเมื่อคุยกันนานๆ ไป อายุเธอก็มากขึ้นทุกที เพราะความจริงใจที่อยากให้เพื่อนใหม่รู้และยอมรับตัวตนที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ไม่มีใครบอกเธอว่า การจะอยู่ในสังคมนี้ยืนยง มีข้อควรปฏิบัติที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร คือถ้าตัวตนจริงๆ ไม่น่าประทับใจก็อย่าพยายามแสดงมันออกมา
ถ้าคุณเป็นพระเอกนางเอกวัยรุ่นสุดสวย เป็นหนุ่มสาวพราวเสน่ห์หรือเป็นคนที่น่านิยมชมชอบ อยากประกาศตัวตนออกมาก็เชิญ คุณอาจมีเพื่อนเพิ่มขึ้น
แต่ถ้าไม่ คุณจะเสียเพื่อนในชุมชนนี้ไป อย่างน้อยก็จำนวนหนึ่ง ในเมื่อคนอื่นๆ สวมหน้ากากสวยๆ เข้ามาแสวงหาเพื่อนที่เลิศเลอเพื่อเป็นอาหารใจอาหารอารมณ์ จะได้มีแรงกลับไปสู้กับโลกในความเป็นจริงของเขาต่อ คนล้มเหลวที่ไร้หน้ากากคนหนึ่งจะมีใครอยากเหลียวแล
คนส่วนหนึ่งในชุมชนนี้เป็นผู้แสวงหาและ หิวโหย ใครจะมาเสียเวลาแบ่งปันโอบอุ้มใคร หากจะโอบอุ้ม เขาก็ย่อมจะเลือกโอบคนที่น่าโอบ อุ้มคนที่น่าอุ้ม นานเท่าไหร่จะมาถึงคุณ
เมื่อแรกนั้นจิ้งหรีดกับทักตามติดกลมเกลียว เพื่อนๆ ถึงกับเย้าว่าเป็นแฟนกัน
ทัก “ไหนๆ ก็เป็นแฟนกันแล้ว มาแต่งงานกันเถอะ”
จิ้งหรีด “เธอแต่งมากี่คนแล้ว”
ทัก “ไม่เคยแต่ง แต่มีลูกชายคนนึง อายุสองขวบ”
จิ้งหรีด “อ้าว ลูกมาได้ยังไง”
ทัก “มาจากผู้หญิงที่เคยมีอะไรกันแล้วเค้าท้องขึ้นมา”
จิ้งหรีด เชื่อสนิท เห็นใจ “ตกลง ฉันชอบเด็ก จะดูแลลูกเธออย่างดี”
แล้วสาวที่คล้ายเป็นแฟนของทักมาก่อนก็เข้ามาแสดงความหึงหวง หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสีเหมือนนิยายน้ำเน่าไม่มีผิด ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดง ไม่มีใครรู้จักตัวตนของใคร แต่จิ้งหรีดก็เสียใจ คราวนี้เริ่มมีการข่มเหงรังแกกัน ใครบางคนในชื่อใหม่ รูปลักษณ์น่ากริ่งเกรงเข้ามาขู่ขวัญเนืองๆ เหมือนกับว่าความตระหนกตกใจของอีกฝ่ายเป็นความสุขของเขาอย่างยิ่ง จิ้งหรีดปิดการสื่อสารกับทักและเพื่อนเก่าๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
“ร่ม” เข้ามาทักทายพูดคุยในชื่ออื่นตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ แต่รูปลักษณ์ในตัวตนของ “ร่ม” ปรากฏขึ้นหลังจากที่จิ้งหรีดมีปัญหากับเพื่อนๆ กลุ่มแรก พื้นฐานที่ใกล้เคียงกันในหลายๆ ด้านทำให้คุยกันได้ยาวนาน บางครั้งที่จิ้งหรีดถูกรังแก ร่มก็คล้ายเป็นผู้ปลอบที่ใจดี
จิ้งหรีดไม่รู้ว่า ร่มก็ใหม่ กับโลกหลังประตูวิเศษนี้ แต่เขาไม่ใช่คนล้มเหลว ขาดยุ่ยมีปัญหาเช่นเธอ เขาเพียงเข้ามาเพื่อผ่อนคลายหลังจากภาระกิจในชีวิตประจำวัน
ร่มก็เหมือนผู้ชายอื่น ที่ชอบคุยกับสาวๆ
ร่มตามเข้ามาคุยด้วยทุกวัน ทำให้จิ้งหรีดรู้สึกอบอุ่น เธอไม่รอใคร ทุกวันก็รอแต่เพียงร่มคนเดียว และก็คล้ายกับว่าร่มแทบไม่ต้องการคุยกับใครอื่น
จิ้งหรีด “ปานใจเพิ่งเข้ามาทางนี้ จะดึงให้เข้ามาคุยด้วยกันไหม”
ร่ม “ไม่ละ จะไปแล้ว”
จิ้งหรีด “คุณเคยคุยกับปานใจมาก่อน ทำไมหมู่นี้ไม่ยอมคุยเลย”
ร่ม “ไม่มีอะไร ฝากสวัสดีปานใจด้วย”
แล้วร่มก็คุยต่ออีกตั้งนานกว่าเขาจะไปจริงๆ จิ้งหรีดนึกปลื้ม ที่ร่มมักบอกปฏิเสธจะคุยกับสาวๆ ในห้องสนทนาที่มีเขาและเธอสองคน
แล้วทั้งสองกับเพื่อนๆ กลุ่มที่เข้ากันได้ในชุมชนนี้ก็นัดพบกันที่คาราโอเกะสุดหรูแห่งหนึ่ง
ร่มไม่ได้มีรูปลักษณ์อย่างที่จิ้งหรีดเข้าใจ เมื่อครั้งคุยกันผ่านจอคอมพิวเตอร์ สำนวนที่เขาพูดคล้ายผู้ใหญ่ใจดี ตอนนั้นเธอนึกเห็นภาพครูบาอาจารย์ พุงใหญ่ หัวล้าน สวมแว่น
ในความเป็นจริงเขาเป็นชายหนุ่มตัวสูงใหญ่แคล่วคล่องแข็งแรง ผิวสีอ่อนสะอาดยิ้มแย้มแจ่มใสและน้ำเสียงพูดจาน่าฟัง ขอย้ำ… น้ำเสียงพูด เพราะเขาร้องเพลงไม่ได้เรื่องเลย
ทั้งสองไม่ได้คุยกันมากนักในวันนั้น เขาแทบไม่มองจิ้งหรีดเสียด้วยซ้ำ ไม่คล้ายกับที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทยามพบกันหลังประตูวิเศษ
หรือว่าเขาชอบที่จะพบกันหลังประตูวิเศษมากกว่า เพราะว่าหลังจากนั้นเขายังตามเข้าประตูวิเศษมาคุยด้วยแทบจะทุกวัน
จิ้งหรีดกลายเป็นคนใจง่ายตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
เขาใจดีบอกเบอร์โทรศัพท์
ทีแรกจิ้งหรีดไม่ยอมโทร แต่จากระบบสื่อสารที่ก้าวหน้า เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร
จิ้งหรีด ”ถ้าคุณกลัวเรื่องยุ่งยาก อย่าบอกเบอร์โทรของคุณกับใครทางอินเตอร์เนต คนอื่นจะรู้ชื่อและที่อยู่ของคุณทันที”
ร่ม เริ่มระแวง “งั้นรึ จะรู้ได้ยังไง”
จิ้งหรีด นึกสนุก อยากให้ประหลาดใจ “รู้ก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณเป็นใคร คุณชื่อ……
บ้านเลขที่……. วันเดือนปีเกิด……..”
ร่ม โกรธ ไม่พูด
จิ้งหรีด ใจเสีย “ทำไมต้องโกรธด้วย”
ร่ม โกรธ “ทำไมต้องลำบากค้นหา นี่เป็นชีวิตส่วนตัวของผม คุณบุกรุกเข้ามาเช่นนี้ทำถูกแล้วหรือ”
จิ้งหรีด ใจเสีย “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ หรือว่าคุณไม่มีเพื่อนที่รู้ว่าคุณชื่อจริงว่าอะไร อยู่ที่ไหน เกิดวันที่เท่าไหร่”
ร่ม โกรธ “คุณเสียเวลายากลำบากสืบค้นทำไม ต้องการอะไรกันแน่”
จิ้งหรีด เสียใจ “ฉันไม่ได้เสียเวลาหรือยากลำบากอะไรเลย”
ร่ม โกรธ ไม่พูด ตัดการติดต่อ
ความเสียใจจากการเสียเพื่อนในครั้งนี้มากกว่าครั้งแรกอย่างเทียบกันไม่ได้ จิ้งหรีด แอบร้องไห้
ร่มหันไปสนิทสนมกับ คุณอ้อย สาวอ่อนหวานน่ารักอีกคนในชุมชนนี้ จนเป็นที่กล่าวขาน ทุกคนลืม จิ้งหรีด ที่เป็นเพื่อนเกลอกับร่มไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนจิ้งหรีดก็ได้แต่ปลอมตัวเข้าชุมชนมาแอบดูเหตุการณ์ ร่ม ตามติดคุณอ้อยอย่างที่คนอื่นๆ พูดถึง ทั้งยังไม่ปฏิเสธเมื่อถูกล้อเลียนว่าเป็นแฟนกัน
จิ้งหรีด น้ำตาร่วง
แต่คุณอ้อย ไม่เคยปรากฏตัวออกมาพบใครในโลกของความเป็นจริง แต่ร่มเป็นหนุ่มรักสนุก เช่นเดียวกับที่จิ้งหรีดก็สุดแสนจะขี้เหงา ดังนั้นจึงมีการพบเป็นกลุ่มครั้งต่อไป
หลังจากนั้นร่มหันมาติดต่อด้วยอีกครั้ง เบื้องหลังประตูวิเศษ คราวนี้ตัวตนของทั้งสองฝ่ายปรากฏแก่กันมากอีกนิด จิ้งหรีดนั้นพร้อมจะเผยโฉมอยู่แล้ว เพียงแต่กลัวว่าหากร่มรับไม่ได้ เธอจะสูญเสียร่ม ซึ่งเป็นร่มเดียวนี้ไปอีก
การนัดครั้งต่อมา มีเพียงร่ม กับ จิ้งหรีด
ร่มแต่งงานแล้ว จิ้งหรีดก็ใช่ แต่ร่มมีชีวิตแต่งงานที่ปรกติสุข ส่วนจิ้งหรีดกำลังเหยียบเส้นคำว่า หย่า จะข้ามเมื่อไหร่ยังไม่แน่ชัดเพราะเหตุว่าไม่กล้ากำหนดชะตาชีวิตให้ตัวเอง
ดูเหมือนสัมพันธภาพจะเป็นไปด้วยดี การพบกันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เช่นนั้นก็โทรศัพท์คุยกัน บางวันจิ้งหรีดเพิ่งโทรไปแท้ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงร่มก็เป็นฝ่ายโทรกลับมา
จิ้งหรีด “คุยกันบ่อยๆ เบื่อไหม ถ้าไม่อยากให้โทรละก็บอกได้นะ”
ร่ม “อยากให้โทรทุกวัน”
จิ้งหรีดนั้นหลงร่มอยู่แล้ว พอเข้ามาใกล้ชิดโดยร่มเออออคล้อยตาม หัวใจก็กระโจนตามสุดตัว แต่เปล่า ไม่มีเรื่องผิดศีลธรรม เพื่อนที่หลงรักเพื่อนในโลกนี้ไม่มีหรือยังไง อย่าสงสัยกันให้มากไปหน่อยเลย
“คิดถึง….. เป็นห่วง….. จู๊บๆ” คำเหล่านี้เคยใช้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจิ้งหรีดจะใช้มากกว่า แต่เพียงน้อยๆ ครั้งของร่มทำให้จิ้งหรีดพองโตไปเป็นชาติ
จิ้งหรีดเพียงแต่รู้สึกว่า ในชีวิตนี้ ขอเพียงมีร่มเป็นเพื่อน ปัญหาในชีวิตจริงจะหนักหนาอย่างไรก็ไม่ว่า คงกลายเป็นเรื่องเล็กไปหมด
มีเรื่องอะไรก็เล่าออกมา มีอะไรก็เปิดใจให้ร่มอ่านหมด
ร่ม “คุณเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง”
จิ้งหรีด “จริงง่ะ? ทำไมจิ้งหรีดไม่รู้ตัว”
ร่ม หัวเราะ ไม่ถือสา
จิ้งหรีด “แล้วทำให้ร่มเดือดร้อนหรือเปล่า”
ร่ม “ไม่เดือดร้อนหรอก ยินดีรับใช้จิ้งหรีดเสมอ”
แต่พอใกล้ชิดกันไปนานๆ ตัวตนของชีวิตจริง เผยให้เห็นกันมากขึ้นทุกที ร่มคงรู้สึกไม่สบายใจที่เผยเรื่องในชีวิตจริงออกมา พอถึงจุดหนึ่งร่มก็ทนไม่ได้
หรืออีกที ร่มหมดความสนใจในตัวจิ้งหรีด เพราะไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ค้นหา เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่ล้มเหลวคนหนึ่ง อยู่ไปให้รกชีวิตของร่มเปล่าๆ
สิ่งที่รกไม่เคยให้คุณ มีแต่จะเกิดโทษ
พอร่มแหนงหน่าย จิ้งหรีดก็บ้าคลั่ง
จิ้งหรีด ร้องไห้… “จะทิ้งกันจริงๆ หรือ”
ร่ม เฉยมาก… “ก็ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปที่ไหนสักหน่อย”
ร่มใช้ความเฉยเมยเป็นเครื่องมือปิดการติดต่อ กลับเข้าไปหลังประตูวิเศษ แสดงนัยให้รู้ว่าหากจิ้งหรีดมีอะไรก็ให้ตามไปในโลกที่พบกันครั้งแรกและจำกัดระยะห่างมากขึ้น จิ้งหรีดตามเข้าไปเพื่อจะพบว่า ร่มสนใจใยดีคุณอ้อยเหลือเกิน
ร่ม เฉยมาก แหนงหน่าย… “วันนี้มีคนขอปรึกษาปัญหา ขอโทษที่ผมคุยด้วยไม่ได้”
จิ้งหรีด เสียใจ “ใครหรือ”
ร่ม แหนงหน่าย… “ขอโทษนะ บอกไม่ได้ เพราะไม่เคยบอกอะไรกับบุคคลที่สาม”
จิ้งหรีด เสียใจสุดๆ “จิ้งหรีดกลายเป็นบุคคลที่สามไปแล้วหรือ”
ร่ม แหนงหน่าย “สวัสดี…”
ไม่พูดอีกเลย จนสองชั่วโมงผ่านไปก็หายไปโดยไม่ร่ำลา
จิ้งหรีด เฝ้ามอง น้ำตาคลอ
นอกจากคุณอ้อย ร่มเริ่มติดต่อสาวอื่นเหมือนเอาไว้แสดงอวดชาวบ้านว่าไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ แต่จะอะไรก็แล้วแต่ จิ้งหรีดรู้ว่า สิ่งที่ร่มต้องการแสดงที่สุดก็คือ
…ร่มไม่มีสายใยใดเป็นพิเศษกับจิ้งหรีด…..
เบื้องหลังประตูวิเศษ ร่มปฏิเสธคนอื่นที่หมายจะดึงให้ทั้งสองเข้ามาคุยด้วยกัน
คุณอ้อย “ร่มคะ จิ้งหรีดมาแล้ว พามาคุยด้วยกันดีไหม”
ร่ม “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะไปแล้ว ฝากสวัสดีจิ้งหรีดด้วย”
คุณอ้อย “เอ แต่ก่อนร่มคุยกับจิ้งหรีดเสมอไม่ใช่หรือคะ ทำไมหมู่นี้ไม่เห็นคุยกันเลย”
ร่ม “ผมไม่มีอะไรกับใครเป็นพิเศษ คุณอ้อยอย่าเข้าใจผิดไป”
ทั้งสองคุยกันต่ออีกนาน
จิ้งหรีดรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้คุยกับร่ม
เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแรกๆ เธอน้ำตาร่วง แต่ก่อนร่มไม่เคยละเลยเมื่อจิ้งหรีดเข้าประตูมาอยู่ด้วยในชุมชนนี้ แต่บัดนี้ร่มแสดงเหมือนเธอเป็นใครสักคนหนึ่งที่เขาไม่สนใจใยดี
จิ้งหรีดถอยออกมาจากประตู
เดี๋ยวนี้น้ำตาแห้งแล้ว แต่หัวใจยังสะท้านเมื่อนึกถึง
ประตูวิเศษรออยู่ตรงนี้เสมอ เมื่อก่อนจิ้งหรีดผ่านเข้าไปด้วยความรู้สึกลิงโลดสดชื่น เป็นสุขเมื่อคนที่ถูกใจมาคุยด้วย แต่บัดนี้เธอได้แต่จ้องมองดูมัน
จะทำลายก็ตัดใจไม่ได้ จะเปิดเข้าไปก็ไม่กล้า
ใครหนอสร้างเจ้ามา เจ้าประตูวิเศษเอ๋ย……….