กาพย์พระไชยสุริยา
พระไชยสุริยา

ที่มา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระไชยสุริยา เป็นวรรณคดีที่ประพันธ์โดย สุนทรภู่ เป็นนิทานสำหรับสอนการเขียนอ่าน โดยมีบทอ่านเรียงลำดับการสะกดคำตั้งแต่ แม่ ก กา ตามด้วย แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม จนถึงแม่เกย ตามลำดับ ลักษณะการประพันธ์แบบกาพย์ประเภทต่างๆ คือ กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28 เชื่อว่าสุนทรภู่ประพันธ์ขึ้นในราวปี พ.ศ. 2383-2385 สำหรับใช้เป็นบทเรียนเขียนอ่านของหม่อมเจ้าพระองค์น้อยๆ

กาพย์พระไชยสุริยา ได้บรรจุอยู่ในหนังสือ มูลบทบรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรียนของไทยที่จัดทำโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5

เรื่องย่อกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

คัดลอกข้อมูลจาก นางสุดทัย สิงคารวนิช กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร http://www.nmk.ac.th/myweb/prachai_2.html

พระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวัตถี มีมเหสีชื่อสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ และเป็นสุขมาช้านาน จนกระทั่งเมื่อข้าราชบริพารและผู้มีอำนาจพากันลุ่มหลงในอบายมุข และเที่ยวข่มเหงราษฎรจนเดือดร้อนไปทั่ว ในที่สุดน้ำป่าก็ไหลบ่าท่วมเมืองจนผู้คนล้มตาย ผู้ที่มีชีวิตรอดก็หนีออกจากเมืองไป ทิ้งสาวัตถีกลายเป็นเมืองร้าง
พระไชยสุริยา พามเหสีและข้าราชบริพารหนีลงเรือสำเภาออกจากเมือง แต่ถูกพายุใหญ่พัดเรือแตก พระไชยสุริยากับนางสุมาลีว่ายน้ำไปขึ้นฝั่ง แล้วรอนแรมไปในป่า พระดาบส รูปหนึ่งเข้าฌานเห็นพระไชยสุริยากับนางสุมาลีต้องทนทุกข์ทรมานก็เวทนา เพราะเห็นว่า พระไชยสุริยาทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี แต่ประสบเคราะห์กรรมเพราะหลงเชื่อเสนาอำมาตย์ จึงเทศนาโปรด จนทั้งสองศรัทธา และบำเพ็ญธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์



เรื่องกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา
ขอขอบคุณ หอสมุดวชิรญาณ http://vajirayana.org/ ที่ได้อนุญาตให้คัดลอกเพื่อเผยแพร่



ยานี ๑๑ (เสียงอ่าน – ช01)

๏ สาธุสะจะขอไหว้
พ่อแม่แลครูบา            
  พระศรีไตรสะระณา
เทวะดาในราศี
๏ ข้าเจ้าเอา ก ข
แก้ไขในเท่านี้              
  เข้ามาต่อ ก กา มี
ดีมิดีอย่าตรีชา
๏ จะร่ำคำต่อไป
ธระณีมีราชา               
  พอล่อใจกุมารา
เจ้าภาราสาวะถี
๏ ชื่อพระไชยสุริยา
ชื่อว่าสุมาลี                 
  มีสุดามะเหสี
อยู่บูรีไม่มีภัย
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนา
พ่อค้ามาแต่ไกล          
  มีกิริยาอะฌาศรัย
ได้อาศัยในภารา
๏ ไพร่ฟ้าประชาชี
ทำไร่เขาไถนา             
  ชาวบูรีก็ปรีดา
ได้ข้าวปลาแลสาลี
๏ อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า
ที่หน้าตาดีดี                
  ก็หาเยาวะนารี
ทำมะโหรีที่เคหา
๏ ค่ำเช้าเฝ้าสีซอ          
หาได้ให้ภริยา              
  เข้าแต่หอล่อกามา
โลโภพาให้บ้าใจ
๏ ไม่จำคำพระเจ้า  
ถือดีมีข้าไทย               
  เหไปเข้าภาษาไสย
ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา
๏ คะดีที่มีคู่       
ใครเอาข้าวปลามา      
  คือไก่หมูเจ้าสุภา
ให้สุภาก็ว่าดี
๏ ที่แพ้แก้ชนะ   
ขี้ฉ้อก็ได้ดี                   
  ไม่ถือพระประเวณี
ไล่ด่าตีมีอาญา
๏ ภิกษุสะมะณะ  
คาถาว่าลำนำ             
  เล่าก็ละพระสะธรรม
ไปเร่ร่ำทำเฉโก
๏ ไม่จำคำผู้ใหญ่
ที่ดีมีอะโข                   
  ศีรษะไม้ใจโยโส
ข้าขอโมทนาไป
๏ ภาราสาวะถี   
ดุดื้อถือแต่ใจ              
  ใครไม่มีปราณีใคร
ที่ใครได้ใส่เอาพอ
๏ ผู้ที่มีฝีมือ     
ไล่คว้าผ้าที่คอ             
  ทำดุดื้อไม่ซื้อขอ
อะไรล่อก็เอาไป
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนา
ถือน้ำร่ำเข้าไป             
  มิได้ว่าหมู่ข้าไท
แต่น้ำใจไม่นำพา
๏ หาได้ใครหาเอา 
ผู้ที่มีอาญา                
  ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ไล่ตีด่าไม่ปราณี
๏ ผีป่ามากระทำ
น้ำป่าเข้าธานี              
  มะระณะกรรมชาวบูรี
ก็ไม่มีที่อาศัย
๏ ข้าเฝ้าเหล่าเสนา
ชีบาล่าลี้ไป                 
  หนีไปหาภาราไกล
ไม่มีใครในธานี
     
ฉะบัง  ๑๖  เสียงอ่าน  ช02
   
   
๏ พระไชยสุริยาภูมี
มาที่ในลำสำเภา
  พาพระมะเหสี
๏ ข้าวปลาหาไปไม่เบา
ก็เอาไปในเภตรา 
  นารีที่เยาว์
๏ เฒ่าแก่ชาวแม่แซ่มา
ก็มาในลำสำเภา
  เสนีเสนา
๏ ตีม้าล่อช่อใบใส่เสา
สำเภาก็ใช้ใบไป
  วายุพยุเพลา
๏ เภตรามาในน้ำไหล
ที่ในมหาวารี 
  ค่ำเช้าเปล่าใจ
๏ พะสุธาอาศัยไม่ม
อยู่ที่พระแกลแลด
  ราชานารี
๏ ปลากะโห้โลมาราห
มีอยู่ในน้ำคล่ำไป
  เหราปลาทู
๏ ราชาว้าเหว่หฤทัย
มาในทะเลเอกา
  วายุพาคลาไคล
๏ แลไปไม่ปะพะสุธา
โพล้เพล้เวลาราตรี
  เปล่าใจนัยนา
๏ ราชาว่าแก่เสน
วารีนี้เท่าใดนา
  ใครรู้คะดี
๏ ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา
วารีนี้ไซร้ใหญ่โต
  ว่าพระมหา
๏ ไหลมาแต่ในคอโค
มะโหฬาล้ำน้ำไหล
  แผ่ไปใหญ่โต
๏ บาฬีมิได้แก้ไข
ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ามา
  ข้าพเจ้าเข้าใจ
๏ ว่ามีพระยาสกุณา
กายาเท่าเขาคีรี 
  ใหญ่โตมะโหฬา
๏ ชื่อว่าพระยาสัมภาที
วารีนี้โตเท่าใด
  ใครรู้คะดี
๏ โยโสโผผาถาไป
จะใกล้โพล้เพล้เวลา
  พอพระสุริย์ใส
๏ แลไปไม่ปะพสุธา
ชีวาก็จะประไลย
  ย่อท้อรอรา
๏ พอปลามาในน้ำไหล
อาศัยที่ศีรษะปลา
  สกุณาถาไป
๏ ฉะแง้แลไปไกลตา
ว่าขอษะมาอะภัย
  จำของ้อปลา
๏ วารีที่เราจะไป
ข้าไหว้จะขอมรคา
  ใกล้หรือว่าไกล
๏ ปลาว่าข้าเจ้าเยาวะภา
อาศัยอยู่ต่อธรณี 
  มิได้ไปมา
๏ สกุณาอาลัยชีวี
สู่ที่ภูผาอาศัย
  ลาปลาจรลี
๏ ข้าเฝ้าเล่าแก่ภูวไนย
ฤทัยว้าเหว่เอกา 
  พระเจ้าเข้าใจ
๏ จำไปในทะเลเวรา
เภตราก็เหเซไป
  พยุใหญ่มา
๏ สมอก็เกาเสาใบ
น้ำไหลเข้าลำสำเภา
  ทะลุปรุไป
๏ ผีน้ำซ้ำไต่ใบเสา
สำเภาระยำคว่ำไป
  เจ้ากรรมซ้ำเอา
๏ ราชาคว้ามืออรไท
ต่อไว้ไม่ไกลกายา
  เอาผ้าสะไบ
๏ เถ้าแก่ชาวแม่เสนา
จระเข้เหราคร่าไป
  น้ำเข้าหูตา
๏ ราชานารีร่ำไร
จำไปพอปะพะสุธา 
  มีกรรมจำใจ
๏ มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา
เวลาพอค่ำรำไร
  เข้าไปไสยา
     
สุรางคะนางค์ ๒๘  เสียงอ่าน  -  ช03
   
   
 ๏ ขึ้นใหม่ใน กน
ก กา ว่าปน
  ระคนกันไป
เอ็นดูภูธร   มานอนในไพร
มณฑลต้นไทร   แทนไพชยนต์สถาน
๏ ส่วนสุมาลี
วันทาสามี

เทวีอยู่งาน
เฝ้าอยู่ดูแล   เหมือนแต่ก่อนกาล
ให้พระภูบาล   สำราญวิญญาณ์
๏ พระชวนนวลนอน
เหมือนหมอนแม่นา
  เข็ญใจไม้ขอน
ภูธรสอนมนต์     ให้บ่นภาวนา
เย็นค่ำร่ำว่า   กันป่าภัยพาล
๏ วันนั้นจันทร
มีดารากร
  เป็นบริวาร
เห็นสิ้นดินฟ้า   ในป่าท่าธาร
มาลีคลี่บาน   ใบก้านอรชร
๏ เย็นฉ่ำน้ำฟ้า
ชื่นชะผะกา
  วายุพาขจร
สาระพันจันทน์อิน   รื่นกลิ่นเกสร
แตนต่อคล้อร่อน   ว้าว่อนเวียนระวัน
๏ จันทราคลาเคลื่อน
กระเวนไพรไก่เถื่อน
  เตือนเพื่อนขานขัน
ปู่เจ้าเขาเขิน   กู่เกริ่นหากัน
สินธุพุลั่น   ครื้นครั่นหวั่นไหว
๏ พระฟื้นตื่นนอน
ไกลพระนคร
  สะท้อนถอนฤทัย
เช้าตรู่สุริยน   ขึ้นพ้นเมรุไกร
มีกรรมจำไป   ในป่าอารัญ
     
ฉะบัง ๑๖  เสียงอ่าน  ช04
   
     
 ๏ ขึ้นกงจงจำสำคัญ
รำพันมิ่งไม้ในดง
  ทั้งกนปนกัน
๏ ไกรกร่างยางยูงสูงระหง
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง
  ตลิงปลิงปริงประยงค์
๏ มะม่วงพวงพลองช้องนาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
  หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
๏ เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน
พระแสงสำอางข้างเคียง 
  เหมือนอย่างนางเชิญ
๏ เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
  เริงร้องก้องเสียง
๏ กลางไพรไก่ขันบรรเลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
  ฟังเสียงเพียงเพลง
๏ ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง
แตรสังข์กังสะดานขานเสียง
  เพียงฆ้องกลองระฆัง
๏ กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง 
  พระยาลอคลอเคียง
๏ ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
  เพลินฟังวังเวง
๏ ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
  ค่างแข็งแรงเริง
๏ ป่าสูงยูงยางช้างโขลง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป
  อึงคะนึงผึงโผง
     
ยานี ๑๑  เสียงอ่าน  - ช05
   
     
๏ ขึ้นกกตกทุกข์ยาก
มันเผือกเลือกเผาไฟ
  แสนลำบากจากเวียงไชย
กินผลไม้ได้เป็นแรง
๏ รอนรอนอ่อนอัสดง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง
  พระสุริยงเย็นยอแสง
แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
๏ ลิงค่างครางโครกครอก
ชะนีวิเวกวอน
  ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
นกหกร่อนนอนรังเรียง
๏ ลูกนกยกปีกป้อง
แม่นกปกปีกเคียง
  อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
๏ ภูธรนอนเนินเขา
ตกยากจากศฤงคาร
  เคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์
สงสารน้องหมองพักตรา
๏ ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า
อยู่วังดังจันทรา
  สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
มาหม่นหมองละอองนวล
๏ เพื่อนทุกข์สุขโศกเศร้า
มิ่งขวัญอย่ารัญจวน
  จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
นวลพักตร์น้องจะหมองศรี
๏ ชวนชื่นกลืนกล้ำกลิ่น
คลึงเคล้าเย้ายวนยี
  มิรู้สิ้นกลิ่นมาลี
ที่ทุกข์ร้อนหย่อนเย็นทรวง
     
ยานี ๑๑   เสียงอ่าน  ช06
   
     
๏ ขึ้นกดบทอัศจรรย
นกหกตกรังรวง                
  เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
๏ แดนดินถิ่นมนุษย์
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง       
  เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง
โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน
๏ บ้านช่องคลองเล็กใหญ่
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน      
  บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ลุกโลดโผนโดนกันเอง
๏ พิณพาทย์ระนาดฆ้อง
ระฆังดังวังเวง                 
  ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง
๏ ขุนนางต่างลุกวิ่ง
พัลวันดันตึงตัง                 
  ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พลั้งพลัดตกหกคะเมน
๏ พระสงฆ์ลงจากกุฏิ์
หลวงชีหนีหลวงเถร           
  วิ่งอุดตลุตฉุดมือเณร
ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
๏ พวกวัดพลัดเข้าบ้าน
ต้นไม้ไกวเอนโอน             
  ล้านต่อล้านซานเซโดน
ลิงค่างโจนโผนหกหัน
๏ พวกผีที่ปั้นลูก
ขิกขิกระริกกัน                  
  ติดจมูกลูกตาพลัน
ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
๏ สององค์ทรงสังวาส
ตื่นนอนอ่อนอกใจ             
  โลกธาตุหวาดหวั่นไหว
เดินไม่ได้ให้อาดูร
     
ยานี  ๑๑    เสียงอ่าน  ช07
   
     
๏ ขึ้นกบจบแม่กด
ผาสุกรุกขมูล                   
  พระดาบสบูชากูณฑ์
พูนสวัสดิ์สัตถาวร
๏ ระงับหลับเนตรนิ่ง
เหมือนกับหลับสนิทนอน    
  เององค์อิงพิงสิงขร
สังวรศีลอภิญญาณ
๏ บำเพ็งเล็งเห็นจบ
สวรรค์ชั้นวิมาน                
  พื้นพิภพจบจักระวาฬ
ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
๏ เข้าฌานนานนับเดือน
จำศีลกินวาตา                 
  ไม่เขยื้อนเคลื่อนกายา
เป็นผาสุกทุกเดือนปี
๏ วันนั้นครั้นดินไหว
เล็งดูรู้คะดี                      
  เกิดเหตุใหญ่ในปะถะพี
กาลกิณีสี่ประการ
๏ ประกอบชอบเป็นผิด
สามัญอันธพาล                
  กลับจริตผิดโบราณ
ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
๏ ลูกศิษย์คิดล้างครู
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน      
  ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
๏ โลภลาภบาปบ่คิด
อุระพะสุธา                      
  โจทก์จับผิดริษยา
ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
๏ บรรดาสามัญสัตว์
ไตรยุคทุกขะตะรัง             
  เกิดวิบัติปัตติปาปัง
สังวัจฉะระอะวะสาน
     
ฉะบัง  ๑๖     เสียงอ่าน  ช08
   
     
 ๏ ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์
ผู้ผ่านภาราสาวะถี 
  เอ็นดูภูบาล
๏ ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนี
บูรีจึงล่มจมไป 
  กลอกกลับอัปรีย์
๏ ประโยชน์จะโปรดภูวไนย
เลื่อมใสสำเร็จเมตตา 
  นิ่งนั่งตั้งใจ
๏ เปล่งเสียงเพียงพิณอินทรา
คงมาวันหนึ่งถึงตน 
  บอกข้อมรณา
๏ เบียนเบียดเสียดส่อฉ้อฉล
ไปทนทุกข์นับกัปกัลป์ 
  บาปกรรมนำตน
๏ เมตตากรุณาสามัญ
เป็นสุขทุกวันหรรษา 
  จะได้ไปสวรรค์
๏ สมบัติสัตว์มนุษย์ครุฑา
เทวาสมบัติชัชวาล 
  กลอกกลับอัปรา
๏ สุขเกษมเปรมปรีวิมาน
ศฤงคารห้อมล้อมพร้อมเพรียง 
  อิ่มหนำสำราญ
๏ กระจับปี่สีซอท่อเสียง
สำเนียงนางฟ้าน่าฟัง 
  ขับรำจำเรียง
๏ เดชะพระกุศลหนหลัง
ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา 
  สิ่งใดใจหวัง
๏ จริงนะประสกสีกา
เบื้องหน้าจะได้ไปสวรรค์ 
  สวดมนต์ภาวนา
๏ จบเทศน์เสร็จคำรำพัน
ดันดั้นเมฆาคลาไคล 
  พระองค์ทรงธรรม์
     
ฉะบัง ๑๖     เสียงอ่าน  ช09
   
     
 ๏ ขึ้นเกยเลยกล่าวท้าวไท      
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ 
  ฟังธรรมน้ำใจ
๏ เห็นภัยในขันธสันดาน        
สำราญสำเร็จเมตตา 
  ตัดห่วงบ่วงมาร
๏ สององค์ทรงหนังพยัคฆา    
รักษาศีลถือฤๅษี 
  จัดจีบกลีบชะฎา
๏ เช้าค่ำทำกิจพิธี                 
เป็นที่บูชาถาวร 
  กองกูณฑ์อัคคี
๏ ปะถะพีเป็นที่บรรจ์ฐรณ์      
เหนือขอนเขนยเกยเศียร 
  เอนองค์ลงนอน
๏ ค่ำเช้าเอากราดกวาดเตียน
เรียนธรรมบำเพ็งเคร่งครัน 
  เหนื่อยยากพากเพียร
๏ สำเร็จเสร็จได้ไปสวรรค์       
นานนับกัปกัลป์พุทธันดร 
  เสวยสุขทุกวัน
๏ ภุมราการุญสุนทร              
เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน 
  ไว้หวังสั่งสอน
๏ ก ข ก กา ว่าเวียน             
อ่านเขียนผสมกมเกย 
  หนูน้อยค่อยเพียร
๏ ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย        
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว 
  ไม้เรียวเจียวเหวย
๏ หันหวดปวดแสบแปลบเสียว   
อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจำ 
  หยิกซ้ำช้ำเขียว
๏ บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม    
แนะนำให้เจ้าเอาบุญ 
  เรียงเรียบเทียบทำ
๏ เดชะพระมหาการุญ           
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอย ฯ.
  ใครเห็นเป็นคุณ